วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554
BBE [Buddhists Blasting Ears Magazine] Issue1
นี่คือแม็กกาซีนที่ข้าพเจ้าได้ทำขึ้นมาด้วยตัวข้าพเจ้าเองเพื่อสนอง
อารมณ์ตนเอง ถ้าจะเอาไปปล่อยต่อก็ให้เครดิตกันด้วย
อย่าแอบอ้างชื่อตนบนงานคนอื่น
โหลดไปดูตามลิงค์เลยครับ
http://www.mediafire.com/?vhpf3n0o4vrqmho
วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554
ประวัติแนว Extreme metal
ลักษณะทั่วไปของดนตรีเอกซ์ตรีม
ลักษณะหลักๆทั่วไปของดนตรีเอกซ์ตรีมนั้นก็ตรงตัวคำแปลภาษาอังกฤษของมันก็ คือมันมี "ความสุดขั้ว" อันทำให้มันเป็นสิ่งที่ผู้ฟังทั่วๆ ไปยากที่จะรับฟังได้ ในหลายๆ กรณีแล้วมันก็ถึงกับเป็นที่ถกเถียงกันเลยว่าสิ่งเหล่ายังเป็นดนตรีอยู่หรือ เปล่า ซึ่งข้อถกเถียงนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับกลุ่มทางดนตรีที่เรียก กันอย่างหลวมๆว่าดนตรีทดลอง เช่นเดียวกัน
ความสุดขั้วของดนตรีเอกซ์ตรีมนั้นสามารถเป็นความสุดขั้วได้หลากหลายทาง เช่น ความเร็วของเพลงที่เร็วจนผิดไปจากเพลง "ทั่วๆไป" (เช่น สปีด/แทรชเมทัล เดธเมทัล ไกรนด์คอร์) หรือ ช้าและหนืดว่าเพลง "ทั่วไป" เช่น พวก สลัดจ์คอร์ หรือพวกดูมแบบสุดขั้วอย่างพวกโดรนดูม เป็นต้น หรือ จะเป็นการมีเสียงรบกวนปะปนอยู่มากในเพลง เช่น นอยส์คอร์ การมีเนื้อหาที่อุจาด รุนแรง ดูไม่มีเหตุผล (non-sense) ซึ่งมักจะไปด้วยกันกับเสียงร้องที่เป็นที่เรียกกันอย่างทั่วไปว่า "สำรอก" หรือ "แผด" อันมีรายละเอียดปลีกย่อยไปตามแต่ละแนวดนตรี (เช่นโดยทั่วไปแล้วลักษณะการออกเสียงของดนตรีเดธเมทัล แบล็คเมทัล และ ฮาร์ดคอร์ นั้นแม้จะดูฟังไม่รู้เรื่องและไม่ค่อยมีท่วงทำนอง (Melody) เหมือนๆกันสำหรับคนทั่วๆไป แต่ทั้งสามแนวทางการร้องนั้นก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนที่แยกแยะได้สำ หรับผูฟังดนตรีเอกซ์ตรีโดยทั่วๆไป) นอกจากนี้แล้วดนตรีเอกตรีมนั้นยังมีการใช้ตัวโน้ตในสเกลแปลกๆ ที่อาจฟังดูขัดหูเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ฟังเพลงทั่วไปที่จะคุ้นเคยกับสเกล ฟื้นๆ อย่าง เมเจอร์ หรือ ไมเนอร์ มีการใช้ไทม์ซิกเนเจอร์แปลกๆ เช่น 7/8/ 5/4 เป็นต้น (ดนตรีทั่วไปแทบจะร้อยทั้งร้อยจะประกอบด้วยไทม์ซิกเนเจอร์ 4/4) ซึ่งถึงกับมีรายงานว่าวงดนตรีบางวงถึงกับทำการทอยลูกเต๋าเพื่อเลือกไทม์ซิก เจอร์กันเลยทีเดียว เช่น การณีของวง เดอะ ดิลลิงเจอร์ เอสเคป แพลน (The Dillinger Escape Plan) และ สุดท้ายก็คือโครงสร้างอันแปลกประหลาดของเพลง (ถ้าเทียบกับเพลงป็อปร็อกทั่วๆไป) และ ความยาวที่ไม่ปกติของเพลง เช่น การที่เพลงเดียวยาว 30 นาที หรือ การมีเพลงกว่า 50 เพลงในอัลบั้ม หรือ อีพี ที่ยาวไปถึงยี่สิบนาที เป็นต้น
พลวัตของดนตรีเอกซ์ตรีม
พื้นฐานแล้วเป็นดนตรีที่ปฏิเสธดนตรีกระแสหลัก (Main Stream) ของผู้ฟังทั่วๆไป ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของดนตรีกระแสหลัก นั้นจึงนำไปสูการเปลี่ยนแปลงของดนตรีเอกซ์ตรีมด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าดนตรีเอกซ์ตรีมนั้นไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบที่ตายตัว ในช่วงเวลาที่ต่างกันดนตรีเอกซ์ตรีมนั้นก็อาจต่างกันใด้ ความเข้าใจดังกล่าวจะไม่ทำให้เราสับสนกับสิ่งที่เคยเป็นดนตรีเอกตรีมและ สิ่งที่เป็นอยู่ เช่น ในช่วงราวต้นถึงกลางทศวรรษที่ 1980 นั้นเราอาจกล่าวได้ว่า สปีด/แทรชเมทัลนั้นเป็นเอกซ์ตรีมมิวสิก แต่ในช่วงกลางยุค 1990 ที่แทบจะไม่มีใครเล่นแทรชเมทัลกันอย่างเมื่อก่อน ซึ่ง เดธและแบล็คเมทัล (ซึ่งเป็นลูกหลานทางดนตรีที่หนักกว่าสปีด/แทรชเมทัล) โตเต็มที่แล้ว เราก็อาจกล่าวได้ว่าดนตรีแทรชเมทัลนั้นไม่ใช่ดนตรีเอกซ์ตรีมอีกต่อไป แต่ดนตรีเดธเละแบล็คเมทัลต่างหากที่เป็นดนตรีเอกซ์ตรีมในปัจจุบันเป็นต้น
อย่างไรก็ดีก็เช่นเดียวกับการจัดประเภทดนตรีชนิดอื่นๆ ซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวอะไร และ ไม่มีความเห็นอย่างเป็นเอกฉันท์ทั้งในหมู่นักวิจารณ์และ ผู้ฟังทั่วๆไป การบอกว่าอะไรเป็นเอกซ์ตรีมมิวสิกหรือไม่เป็นนั้นก็เป็นสิ่งที่โต้แย้งได้เสมอ ดังนันความเห็นที่เป็นกลางที่สุดก็คงต้องเป็นการรายงานปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปมา แม้ว่ามันจะไม่มีตรรกะที่ใช้ได้กับทุกกรณีสำหรับการจัดว่าอะไรเป็นเอกซ์ตรีมเมทัลและอะไรไม่เป็น โปรดดูปัญหาในการจัดประเภทดนตรีได้อย่างชัดเจนที่สุดต่อเมื่อมีดนตรีประเภทใหม่ๆ อุบัติขึ้น เช่นใน Discussion Page ของ Wikipedia ในหน้าของ Metalcore และ N.W.O.A.H.M เป็นต้น
ดนตรีเอกซ์ตรีมในประเทศไทย
ดนตรีเอกซ์ตรีม ที่มึอยู่ในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่จะจำกัดตัวอยู่ในวงการเฮฟวี่เมทัลเป็นหลัก
ลักษณะหลักๆทั่วไปของดนตรีเอกซ์ตรีมนั้นก็ตรงตัวคำแปลภาษาอังกฤษของมันก็ คือมันมี "ความสุดขั้ว" อันทำให้มันเป็นสิ่งที่ผู้ฟังทั่วๆ ไปยากที่จะรับฟังได้ ในหลายๆ กรณีแล้วมันก็ถึงกับเป็นที่ถกเถียงกันเลยว่าสิ่งเหล่ายังเป็นดนตรีอยู่หรือ เปล่า ซึ่งข้อถกเถียงนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับกลุ่มทางดนตรีที่เรียก กันอย่างหลวมๆว่าดนตรีทดลอง เช่นเดียวกัน
ความสุดขั้วของดนตรีเอกซ์ตรีมนั้นสามารถเป็นความสุดขั้วได้หลากหลายทาง เช่น ความเร็วของเพลงที่เร็วจนผิดไปจากเพลง "ทั่วๆไป" (เช่น สปีด/แทรชเมทัล เดธเมทัล ไกรนด์คอร์) หรือ ช้าและหนืดว่าเพลง "ทั่วไป" เช่น พวก สลัดจ์คอร์ หรือพวกดูมแบบสุดขั้วอย่างพวกโดรนดูม เป็นต้น หรือ จะเป็นการมีเสียงรบกวนปะปนอยู่มากในเพลง เช่น นอยส์คอร์ การมีเนื้อหาที่อุจาด รุนแรง ดูไม่มีเหตุผล (non-sense) ซึ่งมักจะไปด้วยกันกับเสียงร้องที่เป็นที่เรียกกันอย่างทั่วไปว่า "สำรอก" หรือ "แผด" อันมีรายละเอียดปลีกย่อยไปตามแต่ละแนวดนตรี (เช่นโดยทั่วไปแล้วลักษณะการออกเสียงของดนตรีเดธเมทัล แบล็คเมทัล และ ฮาร์ดคอร์ นั้นแม้จะดูฟังไม่รู้เรื่องและไม่ค่อยมีท่วงทำนอง (Melody) เหมือนๆกันสำหรับคนทั่วๆไป แต่ทั้งสามแนวทางการร้องนั้นก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนที่แยกแยะได้สำ หรับผูฟังดนตรีเอกซ์ตรีโดยทั่วๆไป) นอกจากนี้แล้วดนตรีเอกตรีมนั้นยังมีการใช้ตัวโน้ตในสเกลแปลกๆ ที่อาจฟังดูขัดหูเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ฟังเพลงทั่วไปที่จะคุ้นเคยกับสเกล ฟื้นๆ อย่าง เมเจอร์ หรือ ไมเนอร์ มีการใช้ไทม์ซิกเนเจอร์แปลกๆ เช่น 7/8/ 5/4 เป็นต้น (ดนตรีทั่วไปแทบจะร้อยทั้งร้อยจะประกอบด้วยไทม์ซิกเนเจอร์ 4/4) ซึ่งถึงกับมีรายงานว่าวงดนตรีบางวงถึงกับทำการทอยลูกเต๋าเพื่อเลือกไทม์ซิก เจอร์กันเลยทีเดียว เช่น การณีของวง เดอะ ดิลลิงเจอร์ เอสเคป แพลน (The Dillinger Escape Plan) และ สุดท้ายก็คือโครงสร้างอันแปลกประหลาดของเพลง (ถ้าเทียบกับเพลงป็อปร็อกทั่วๆไป) และ ความยาวที่ไม่ปกติของเพลง เช่น การที่เพลงเดียวยาว 30 นาที หรือ การมีเพลงกว่า 50 เพลงในอัลบั้ม หรือ อีพี ที่ยาวไปถึงยี่สิบนาที เป็นต้น
พลวัตของดนตรีเอกซ์ตรีม
พื้นฐานแล้วเป็นดนตรีที่ปฏิเสธดนตรีกระแสหลัก (Main Stream) ของผู้ฟังทั่วๆไป ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของดนตรีกระแสหลัก นั้นจึงนำไปสูการเปลี่ยนแปลงของดนตรีเอกซ์ตรีมด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าดนตรีเอกซ์ตรีมนั้นไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบที่ตายตัว ในช่วงเวลาที่ต่างกันดนตรีเอกซ์ตรีมนั้นก็อาจต่างกันใด้ ความเข้าใจดังกล่าวจะไม่ทำให้เราสับสนกับสิ่งที่เคยเป็นดนตรีเอกตรีมและ สิ่งที่เป็นอยู่ เช่น ในช่วงราวต้นถึงกลางทศวรรษที่ 1980 นั้นเราอาจกล่าวได้ว่า สปีด/แทรชเมทัลนั้นเป็นเอกซ์ตรีมมิวสิก แต่ในช่วงกลางยุค 1990 ที่แทบจะไม่มีใครเล่นแทรชเมทัลกันอย่างเมื่อก่อน ซึ่ง เดธและแบล็คเมทัล (ซึ่งเป็นลูกหลานทางดนตรีที่หนักกว่าสปีด/แทรชเมทัล) โตเต็มที่แล้ว เราก็อาจกล่าวได้ว่าดนตรีแทรชเมทัลนั้นไม่ใช่ดนตรีเอกซ์ตรีมอีกต่อไป แต่ดนตรีเดธเละแบล็คเมทัลต่างหากที่เป็นดนตรีเอกซ์ตรีมในปัจจุบันเป็นต้น
อย่างไรก็ดีก็เช่นเดียวกับการจัดประเภทดนตรีชนิดอื่นๆ ซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัวอะไร และ ไม่มีความเห็นอย่างเป็นเอกฉันท์ทั้งในหมู่นักวิจารณ์และ ผู้ฟังทั่วๆไป การบอกว่าอะไรเป็นเอกซ์ตรีมมิวสิกหรือไม่เป็นนั้นก็เป็นสิ่งที่โต้แย้งได้เสมอ ดังนันความเห็นที่เป็นกลางที่สุดก็คงต้องเป็นการรายงานปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปมา แม้ว่ามันจะไม่มีตรรกะที่ใช้ได้กับทุกกรณีสำหรับการจัดว่าอะไรเป็นเอกซ์ตรีมเมทัลและอะไรไม่เป็น โปรดดูปัญหาในการจัดประเภทดนตรีได้อย่างชัดเจนที่สุดต่อเมื่อมีดนตรีประเภทใหม่ๆ อุบัติขึ้น เช่นใน Discussion Page ของ Wikipedia ในหน้าของ Metalcore และ N.W.O.A.H.M เป็นต้น
ดนตรีเอกซ์ตรีมในประเทศไทย
ดนตรีเอกซ์ตรีม ที่มึอยู่ในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่จะจำกัดตัวอยู่ในวงการเฮฟวี่เมทัลเป็นหลัก
*คัดลอกมาจาก wiki ฉบับภาษาไทย*
วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554
ประวัติแนว Blues rock
บลูส์ร็อก (อังกฤษ: Blues-rock) เป็นแนวเพลงผสมผสานระหว่างการแสดงคีตปฏิภาณแบบบลูส์ บนคอร์ดแบบ 12 บาร์บลูส์และการแจมแบบบูกี้กับสไตล์ร็อกแอนด์โรล โดยแกนหลักของบลูส์-ร็อก คือเครื่องดนตรีกีตาร์ไฟฟ้า กีตาร์เบสและกลองชุด ซึ่งกีตาร์ไฟฟ้าจะขยายผ่านตู้แอมไฟฟ้า ให้มีลักษณะรุนแรงมากขึ้น
แนวเพลงนี้เริ่มพัฒนาในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1960 ในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ที่ปิเอโร สการัฟฟีเรียกว่า "เป็นแนวเพลงริทึมแอนด์บลูส์ที่เล่นโดยนักดนตรีขาวชาวยุโรป" วงดนตรีอังกฤษอย่างเช่น เดอะฮู, เดอะยาร์ดเบิร์ดส, เลดเซปเพลิน, ดิแอนนิมอลส์, ครีม และเดอะโรลลิงสโตนส์ ได้ทดลองดนตรีดังกล่าวจากศิลปินบลูส์ชาวอเมริกัน อย่าง ฮาวลิน วูล์ฟ, โรเบิร์ต จอห์นสัน, จิมมี ลีดและมัดดี วอเตอร์ส ขณะที่วงบลูส์ร็อกยุคแรก "จะพยายามเล่นเพลงแจ๊ซยาว ๆ ที่มีลักษณะคีตปฏิภาณ อย่างเห็นได้ชัด" โดยคริสต์ทศวรรษ 1970 บลูส์ร็อกเริ่มหนักขึ้นกับเน้นท่อนริฟฟ์ และในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 เส้นแบ่งระหว่างบลูส์ร็อกและฮาร์ดร็อกเกือบจะไม่เห็น วงแนวนี้บันทึกเสียงอัลบั้มแนวร็อก และในคริสต์ทศวรรษ 1980 และ 1990 ก็เริ่มกลับมาที่รากบลูส์เดิม และมีศิลปินอย่าง "เฟบูลัสธันเดอร์เบิร์ดสและสตีวี เรย์ วอแกน สร้างชื่อเสียงวงการร็อกขึ้น"
*คัดลอกมาจากวิกิพีเดียฉบับภาษาไทย*
---------------------------------------------------
-ต้นกำเนิดของแนวเพลงคือ บลูส์ (โดยเฉพาะ อิเล็กทริกบลูส์) บริติชบลูส์ ร็อกแอนด์โรล.
-แหล่งกำเนิด ต้นถึงกลางคริสต์ทศวรรษ 1960 ใน สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา.
-เครื่องดนตรีหลัก กีตาร์ไฟฟ้า, กีตาร์เบส, กลองชุด, เสียงร้อง, แฮมมอนด์ออร์แกน, ฮาร์โมนิกา.
-ได้รับความนิยมสูงสุดในคริสตทศวรรษ 1960 และ 1970
แนวเพลงนี้เริ่มพัฒนาในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1960 ในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ที่ปิเอโร สการัฟฟีเรียกว่า "เป็นแนวเพลงริทึมแอนด์บลูส์ที่เล่นโดยนักดนตรีขาวชาวยุโรป" วงดนตรีอังกฤษอย่างเช่น เดอะฮู, เดอะยาร์ดเบิร์ดส, เลดเซปเพลิน, ดิแอนนิมอลส์, ครีม และเดอะโรลลิงสโตนส์ ได้ทดลองดนตรีดังกล่าวจากศิลปินบลูส์ชาวอเมริกัน อย่าง ฮาวลิน วูล์ฟ, โรเบิร์ต จอห์นสัน, จิมมี ลีดและมัดดี วอเตอร์ส ขณะที่วงบลูส์ร็อกยุคแรก "จะพยายามเล่นเพลงแจ๊ซยาว ๆ ที่มีลักษณะคีตปฏิภาณ อย่างเห็นได้ชัด" โดยคริสต์ทศวรรษ 1970 บลูส์ร็อกเริ่มหนักขึ้นกับเน้นท่อนริฟฟ์ และในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 เส้นแบ่งระหว่างบลูส์ร็อกและฮาร์ดร็อกเกือบจะไม่เห็น วงแนวนี้บันทึกเสียงอัลบั้มแนวร็อก และในคริสต์ทศวรรษ 1980 และ 1990 ก็เริ่มกลับมาที่รากบลูส์เดิม และมีศิลปินอย่าง "เฟบูลัสธันเดอร์เบิร์ดสและสตีวี เรย์ วอแกน สร้างชื่อเสียงวงการร็อกขึ้น"
*คัดลอกมาจากวิกิพีเดียฉบับภาษาไทย*
---------------------------------------------------
-ต้นกำเนิดของแนวเพลงคือ บลูส์ (โดยเฉพาะ อิเล็กทริกบลูส์) บริติชบลูส์ ร็อกแอนด์โรล.
-แหล่งกำเนิด ต้นถึงกลางคริสต์ทศวรรษ 1960 ใน สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา.
-เครื่องดนตรีหลัก กีตาร์ไฟฟ้า, กีตาร์เบส, กลองชุด, เสียงร้อง, แฮมมอนด์ออร์แกน, ฮาร์โมนิกา.
-ได้รับความนิยมสูงสุดในคริสตทศวรรษ 1960 และ 1970
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ประวัติวง Whispered
-วง Whispered
-จากเมือง Riihimaki/Tampere ประเทศ Finland
-แนวเพลง Melodic Death Metal
-เนื้อหาส่วนใหญ่จะพูดถึงเกี่ยวกับ ซามูไร, บูชิโด และ ตำนานญี่ปุ่น
-สมาชิกปัจจุบัน
Jouni Valjakka ตำแหน่ง Guitar and vocals
Pepe Ruponen ตำแหน่ง Guitar & backing vocals
Mika Karjalainen ตำแหน่ง Keyboards
Valtteri Arvaja ตำแหน่ง Bass & backing vocals
Jaakko Nylund ตำแหน่ง Drums
-เริ่มจากปี 2001
Jouni ค้นพบจิตวิญญาณของแนวเพลง rock‘n roll และได้ตั้งวงดนตรีกับเพื่อนที่โรงเรียนของเขาโดยสมัยนั้นมี Kopone, Mika และ Jani เข้าร่วมอุดมการณ์ ในการทำภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์นี้ พวกเขาว่าอย่างนั้น ตอนนั้นใช้ชื่อวงว่า Zealot.
-2001 - 2003
Zealot ค้นหามือกลองและมือกีตาร์ใหม่ หลังจากออดิชั่นมาหลายคนก็ลงเอยที่ Atte Pesonen (กลอง) และ Pepe Ruponen (กีตาร์).
-2003 - 2004
Zealot ได้ออกเดโม ในชื่อชุดว่า Bloodthroned ได้รับการบันทึกที่เมือง Riihimaki และก็ได้มีการเล่นโชว์เป็นครั้งแรกตามสวนสาธารณะ.
-2004 - 2006
Zealot ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งโดยการหาสมาชิกใหม่จนได้ Valtteri Arvaja (เบสส์) และ Toni Pöllänen (ตำแหน่งไม่แน่ชัด) และได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น Whispered และได้ออกเดโมมาหนึ่งชุดในชื่อชุดว่า Blindfold แบบทำเองไม่มีสังกัด ชุดนี้มี 2 เพลง
1. Blindfold
2. Lifeless Remain Honoured
ได้มีการกล่าวถึงว่าเดโมชุดนี้จริงๆแล้วต้องมี 3 เพลง อีกเพลงชื่อว่า Upon the Fallen Empire แต่วงทำเพลงนี้ไม่เสร็จเลยไม่ได้รวมอยู่ในชุดนี้ ส่วนเพลง Blindfold ได้มีการนำกลับมาบันทึกใหม่และได้รวมอยู่ในอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงในชื่อชุดว่า Thousand Swords ที่ออกเมื่อปี 2010.
-2007
ได้ออกเดโมชุดที่ 2 ออกมาในชื่อชุดว่า Wrath of Heaven มี 3 เพลง
1. Of Honor
2. Dead Cold Inside
3. Wrath of Heaven
และทั้งสามบทเพลงในชุดนี้ก็ได้มีการนำกลับมาบันทึกใหม่และได้รวมอยู่ในอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงในชื่อชุดว่า Thousand Swords ที่ออกเมื่อปี 2010 เช่นกัน.
-2008
วงได้ทำเพลงมาหนึ่งเพลงเรียกได้ว่าเป็น Single ทำเพลงนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2008 แต่ได้ปล่อยออกมาในปี 2009.
-2008 - 2009
ได้ทำเพลงอัลบั้มเต็มในชื่อชุดว่า Thousand Swords แต่ออกวางจำหน่ายในปี 2010.
ชุดนี้มี 9 เพลง ประกอบด้วย
1. Intro - Hajimari
2. Thousand Swords
3. Faceless
4. Of Honor
5. Dead Cold Inside
6. Fear Never Within
7. Blindfold
8. Wrath of Heaven
9. Blade in the Snow
(ถือว่าเป็นวงหน้าใหม่ที่ฝีไม้ลายมือน่าจับตามากๆแต่ข้อมูลของวงมีไม่มากนัก)
Link ของทางวง
http://www.whisperedband.com/
-จากเมือง Riihimaki/Tampere ประเทศ Finland
-แนวเพลง Melodic Death Metal
-เนื้อหาส่วนใหญ่จะพูดถึงเกี่ยวกับ ซามูไร, บูชิโด และ ตำนานญี่ปุ่น
-สมาชิกปัจจุบัน
Jouni Valjakka ตำแหน่ง Guitar and vocals
Pepe Ruponen ตำแหน่ง Guitar & backing vocals
Mika Karjalainen ตำแหน่ง Keyboards
Valtteri Arvaja ตำแหน่ง Bass & backing vocals
Jaakko Nylund ตำแหน่ง Drums
-เริ่มจากปี 2001
Jouni ค้นพบจิตวิญญาณของแนวเพลง rock‘n roll และได้ตั้งวงดนตรีกับเพื่อนที่โรงเรียนของเขาโดยสมัยนั้นมี Kopone, Mika และ Jani เข้าร่วมอุดมการณ์ ในการทำภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์นี้ พวกเขาว่าอย่างนั้น ตอนนั้นใช้ชื่อวงว่า Zealot.
-2001 - 2003
Zealot ค้นหามือกลองและมือกีตาร์ใหม่ หลังจากออดิชั่นมาหลายคนก็ลงเอยที่ Atte Pesonen (กลอง) และ Pepe Ruponen (กีตาร์).
-2003 - 2004
Zealot ได้ออกเดโม ในชื่อชุดว่า Bloodthroned ได้รับการบันทึกที่เมือง Riihimaki และก็ได้มีการเล่นโชว์เป็นครั้งแรกตามสวนสาธารณะ.
-2004 - 2006
Zealot ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งโดยการหาสมาชิกใหม่จนได้ Valtteri Arvaja (เบสส์) และ Toni Pöllänen (ตำแหน่งไม่แน่ชัด) และได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น Whispered และได้ออกเดโมมาหนึ่งชุดในชื่อชุดว่า Blindfold แบบทำเองไม่มีสังกัด ชุดนี้มี 2 เพลง
1. Blindfold
2. Lifeless Remain Honoured
ได้มีการกล่าวถึงว่าเดโมชุดนี้จริงๆแล้วต้องมี 3 เพลง อีกเพลงชื่อว่า Upon the Fallen Empire แต่วงทำเพลงนี้ไม่เสร็จเลยไม่ได้รวมอยู่ในชุดนี้ ส่วนเพลง Blindfold ได้มีการนำกลับมาบันทึกใหม่และได้รวมอยู่ในอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงในชื่อชุดว่า Thousand Swords ที่ออกเมื่อปี 2010.
-2007
ได้ออกเดโมชุดที่ 2 ออกมาในชื่อชุดว่า Wrath of Heaven มี 3 เพลง
1. Of Honor
2. Dead Cold Inside
3. Wrath of Heaven
และทั้งสามบทเพลงในชุดนี้ก็ได้มีการนำกลับมาบันทึกใหม่และได้รวมอยู่ในอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงในชื่อชุดว่า Thousand Swords ที่ออกเมื่อปี 2010 เช่นกัน.
-2008
วงได้ทำเพลงมาหนึ่งเพลงเรียกได้ว่าเป็น Single ทำเพลงนี้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2008 แต่ได้ปล่อยออกมาในปี 2009.
-2008 - 2009
ได้ทำเพลงอัลบั้มเต็มในชื่อชุดว่า Thousand Swords แต่ออกวางจำหน่ายในปี 2010.
ชุดนี้มี 9 เพลง ประกอบด้วย
1. Intro - Hajimari
2. Thousand Swords
3. Faceless
4. Of Honor
5. Dead Cold Inside
6. Fear Never Within
7. Blindfold
8. Wrath of Heaven
9. Blade in the Snow
(ถือว่าเป็นวงหน้าใหม่ที่ฝีไม้ลายมือน่าจับตามากๆแต่ข้อมูลของวงมีไม่มากนัก)
Link ของทางวง
http://www.whisperedband.com/
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ประวัติแนว Gothic metal
-สไตล์เพลงดั้งเดิม = Gothic rock, heavy metal, doom metal, death/doom
-ต้นกำเนิด = ก่อนปี 1990 ในทวีป ยุโรป
-ตำแหน่ง/เครื่องดนตรีที่ใช้หลักๆ = 1.ร้องนำ/2.กีตาร์ไฟฟ้า/3.กีตาร์อคูสติก/4.เบสส์/5.กลอง/6.คีย์บอร์ด/7.ไวโอลิน/8.เชลโล่
-ความนิยมสูงสุด = แถบยุโรปตั้งแต่ปลายปี 1990
-ประเทศที่นิยมแนวเพลงนี้ = England, Finland, The Netherlands, Norway, Sweden, Germany, Italy, Poland
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
-Gothic metal หรือ goth metal เป็นประเภทย่อยของแนวเพลง heavy metal
-Gothic metal รวมแนวเพลงของ doom metal และ gothic rock ไว้ด้วยกัน
-เพลงของแนว Gothic metal มีความหลากหลายกว่าวงดนตรีที่เล่นแนวทั่วไป
-เริ่มมีการแพร่กระจายแนวดนตรีในช่วงต้นปี 1990 ในแถบทวีปยุโรป โดยแนวดนตรีอย่าง doom/death และการรวมกันระหว่างแนว death metal และ doom metal ได้วางรากฐานเอาไว้ก่อนหน้านี้
-โดยทั่วไปจะเป็นการพูดถึงการยั่วยวนใจและเศร้าโศก หรือแรงบันดาลใจจากนิยายโกธิค หรือประสบการณ์ส่วนตัว
-วงบุกเบิกแนวเพลง ได้แก่ Paradise Lost, My Dying Bride และ Anathema ทั้งหมดมาจากทางเหนือของเกาะอังกฤษ (ได้ชื่อว่าเป็นวงบุกเบิกแต่วงเหล่านี้ก็ไม่เคยอ้างตนว่าวงตนเป็นแนวโกธิค)
-วงบุกเบิกอื่นๆในช่วงครึ่งปี 1990 ได้แก่ Type O Negative จาก United States / Tiamat จาก Sweden / The Gathering จาก Netherlands
-Theatre of Tragedy จาก Norwey เป็นวงที่รวมเอาเสียงก้าวร้าว(aggressive)ของผู้ชายบวกกับเสียงสะอาด(clean)ของผู้หญิงไว้ด้วยกัน
-ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 วง Moonspell, Theatres des Vampiresn และ Cradle of Filth นำวิธีปฏิบัติของโกธิคมารวมกับ black metal
-โดยจุดสิ้นสุดของทศวรรษ วง Tristania และ Within Temptation ได้พัฒนาแนวเพลง Gothic metal กลายเป็น symphonic metal
-ในศควรรษที่ 21 แนว Gothic metal ได้แพร่หลายอย่างกว้างขวางในยุโรปโดยเฉพาะในประเทศฟินแลนด์ กับวงอย่าง The 69 Eyes, Entwine, HIM, Lullacry, Poisonblack และ Sentenced วงเหล่านี้ได้ออกซิงเกิ้ลฮิตจนติดชาร์
ทต่างๆมาแล้ว
-กลับกันในประเทศสหรัฐอเมริกา มีไม่กี่วงที่แจ้งเกิดได้ เช่น HIM, LacunaCoil, Evanescence และ Cradle of Filth พวกเขาประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
*ความหลากหลายในรูปการผสมผสานแนวดนตรี*
-ภาพลักษณ์ของแนว Gothic metal โดยทั่วไปจะเป็นลักษณะชวนให้รู้สึกถึฝบะะยากาศมืดดำเข้ม
-คำคุณศัพท์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ ความมืดมน มักจะเป็นที่นิยมใช้เพื่ออธิบายดนตรีโกธิคทั่วไป เช่น deep, depressing, romantic, passionate และ intense ซึ่งมีไปบ่อยนักที่จะได้ยินในเพลงทั่วไป
-Gothic metal ได้รับการอธิบายอีกอย่างว่า "เป็นการรวมกันของ darkness and melancholy(ความมืดและความเศร้าโศก)ของแนว goth rock กับ heavy metal"
-วง Artrosis, Ava Inferi และ Draconian เป็นวงสานต่อแนวดนตรีต่อจากวงบุกเบิกอย่าง Anathema, Paradise Lost และ My Dying Bride ที่มีพื้นฐานของ Doon metal
-วง Graveworm, Drastique และ Samsas Traum เป็นวงสานต่อแนวดนตรีต่อจากวงอย่าง Cradle of Filth, Theatres des Vampires และ Moonspell ที่มีพื้นฐานของ black metal
-วง Epica, Sirenia และ After Forever เป็นวงสานต่อแนวดนตรีต่อจากวงอย่าง Tristania และ WithinTemptation ที่มีพื้นฐานของ symphonic metal
-นอกจากนี้ก็ยังมีวง Gothic metal ที่ผสมผสานแนวดนตรีอื่นๆเข้าไว้ด้วยกันอีก เช่น
Trail of Tears ผสมแนว death metal
Midnattsol ผสมแนว folk metal
Deathstars, Gothminister และ Neon Synthesis ผสมแนว industrial metal
Katatonia, Lacuna Coil และ Evanescence ผสมแนว alternative metal
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
*ความหลากหลายในรูปแบบเสียงร้อง*
-Dani Filth และ Morten Veland จะร้องในรูปแบบ guttural growls(เสียงคำรามจากคอหอย)
-Osten Bergoy จะร้องในรูปแบบ e clean counter-tenor
-Peter Steele จะร้องในรูปแบบ bass range*(ไม่แน่ใจว่าเป็นแนวการร้องหรือแนวการเล่นเบสส์)*
-สำหรับนักร้องหญิงจะมีรูปแบบการร้องแตกต่างออกไป ดังตัวอย่างเช่น
Cadaveria จะร้องในรูปแบบ scream และ growls(กรีดร้องและคำราม)
Tanja Lainio จากวง Lullacry จะร้องในรูปแบบ the "poppy"
Vibeke Stene จากวง Tristania จะร้องในรูปแบบ operatic soprano
-มีนักร้องหญิงเป็นจำนวนมากในแนว gothic metal ซึ่งมากกว่าในแนวย่อยอื่นๆของ Heavy metal
-Liv Kristine นักร้องนำของวง Theatre of Tragedy และ Leaves' Eyes พูดไว้ว่า "คนเรามักจะตีความแนวโกธิคผิดๆ ว่าเสียงร้องของผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเป็นโกธิคเสมอไป"
-เสียงร้องที่เป็นผู้หญิงจะสามารถดึงดูดแฟนเพลงผู้หญิงได้มากกว่าแนวเพลงย่อยอื่นๆ
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
*ความหลากหลายในเนื้อเพลง*
-เนื้อเพลงของแนว gothic metal มักจะพูดถึง มหากาพย์และตัวละครต่างๆ(epic and melodramatic)
-สำหรับวงดงนตรีจากอังกฤษทั้งสามวงนั้นได้ช่วยเบิกร่องแนวเพลงที่มีเนื้อเพลงซึมเศร้า ที่สะท้อนออกมาในพื้นหลังของ Doom metal
-เพลงของ My Dying Bride ได้รับข้อสังเกตว่าเป็น "drip with treachery and pain"(การทรยศหักหลังและความเจ็บปวด) จากบทเพลงที่ดูมีเสน่ห์ หลอกลวง และการล่วงละเมิดต่างๆของทุกๆคน
-Anathema กับ Paradise Lost มักจะเขียนถึง การฆ่าตัวตายต่างๆ
-นวนิยายกอธิคซึ่งเป็นแนวเพลงที่ผสมผสานวรรณกรรมสยองขวัญและโรแมนติก ได้รับแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจสำหรับเพลงของหลายวงโกธิค เช่น Cadaveria, Cradle of Filth, Moonspell, Theatres des Vampires และ Xandria
-Eduardo Rivadavia นักวิจารณ์ ของ Allmusic ระบุว่า ดราม่า ความโศกเศร้า และ ความงาม เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับแนวเพลงโกธิค
-วง My Dying Bride มักจะเขียนเรื่องความตายความเจ็บปวด การสูญเสียความรักและ ความโรแมนติก ซ้ำๆ แต่ ดำเนินเนื้อหาในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
-วง Theatre of Tragedy และ Leaves' Eyes ก็จะพูดถึงความรักที่เลือนลางและหายไป
-วง Anathema, Elis, Tiamat, Midnattsol และ The Old Dead Tree มักจะเขียนเพลงจากประสบการณ์ส่วนบุคคลเป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะทั่วไปของแนวเพลงดโกธิค
-วง Graveworm จะเขียนในแบบ การโปรดปรานสิ่งต่างๆของตัวเอง และเรื่องราวในจินตนาการ
-วง Lacuna Coil จากอิตาลี ไม่มีคุณลักษณะใดที่ชัดเจน Cristina Scabbia นักร้องสมทบพูดไว้ว่า "มันคือบทเพลงที่จินตนาการขึ้นมาคือสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหาได้ในความเป็นจริง" พวกเขาแค่อยากให้ผู้ชมสามารถเกี่ยวข้องและสนุกไปกับบทเพลงของพวกเขา
-วง Lullacry จะพูดถึง ความรักความเกลียดชังความรักและความเจ็บปวด เพราะคนสามารถเชื่อมต่อกับบทเพลงได้
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
-ในศตวรรษที่ 21 นี้ แนว gothic metal มีฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคงมากในฟินแลนด์ ซึ่งมีตัวแทนจำหน่ายจำนวนมาก และนั่นเป็นเหตุผลที่โกธิคประสบความสำเร็จอย่างมากในเชิงพาณิชย์
-นอกจางวง HIM แล้ว ยังมีวงจากฟินแลนด์ต่างๆที่ประสบความสำเร็จ ที่มีเพลงฮิตติดชาร์ทต่างๆ เช่น Charon, Entwine, For My Pain..., Lullacry, Poisonblack, Sentenced และ To/Die/For
-For My Pain... ก่อตัวเป็นกลุ่มสุดยอด(supergroup) ที่มีวงสมาชิกอย่าง Nightwish, Embraze, Eternal Tears of Sorrow และ Reflexion รวมอยู่ด้วย
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
**นอกจากนี้ยังมีการร่ายประวัติตั้งแต่ก่อนจะมาเป็นโกธิคโดยระเอียดมากๆของแนวเฮฟวี่เมทัลและโกธิคร็อค
**และจุดเริ่มต้นต่างๆของสามวงบุกเบิกอย่าง Paradise Lost, My Dying Bride และ Anathema รวมไปถึงกลุ่มผู้บุกเบิกต่างๆไว้อย่างละเอียด
**และรวมไปถึงการพัฒนาไปเป็นแนวอื่นๆเช่น Gothic black metal / Symphonic gothic metal
**ความสำเร็จเชิงพาณิชย์ของ Paradise Lost, Cradle of Filth, Moonspell and Within Temptation, Lacuna Coil, Evanescence และ HIM
ซึ่งช่วงนี้ผมขอไม่แปลเพราะคิดว่ามันไม่น่าจะสำคัญมากเท่าไหร่และที่แปลมาคงน่าจะรวมข้อมูลหลักๆไว้แล้ว(คิดว่านะ)
-ต้นกำเนิด = ก่อนปี 1990 ในทวีป ยุโรป
-ตำแหน่ง/เครื่องดนตรีที่ใช้หลักๆ = 1.ร้องนำ/2.กีตาร์ไฟฟ้า/3.กีตาร์อคูสติก/4.เบสส์/5.กลอง/6.คีย์บอร์ด/7.ไวโอลิน/8.เชลโล่
-ความนิยมสูงสุด = แถบยุโรปตั้งแต่ปลายปี 1990
-ประเทศที่นิยมแนวเพลงนี้ = England, Finland, The Netherlands, Norway, Sweden, Germany, Italy, Poland
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
-Gothic metal หรือ goth metal เป็นประเภทย่อยของแนวเพลง heavy metal
-Gothic metal รวมแนวเพลงของ doom metal และ gothic rock ไว้ด้วยกัน
-เพลงของแนว Gothic metal มีความหลากหลายกว่าวงดนตรีที่เล่นแนวทั่วไป
-เริ่มมีการแพร่กระจายแนวดนตรีในช่วงต้นปี 1990 ในแถบทวีปยุโรป โดยแนวดนตรีอย่าง doom/death และการรวมกันระหว่างแนว death metal และ doom metal ได้วางรากฐานเอาไว้ก่อนหน้านี้
-โดยทั่วไปจะเป็นการพูดถึงการยั่วยวนใจและเศร้าโศก หรือแรงบันดาลใจจากนิยายโกธิค หรือประสบการณ์ส่วนตัว
-วงบุกเบิกแนวเพลง ได้แก่ Paradise Lost, My Dying Bride และ Anathema ทั้งหมดมาจากทางเหนือของเกาะอังกฤษ (ได้ชื่อว่าเป็นวงบุกเบิกแต่วงเหล่านี้ก็ไม่เคยอ้างตนว่าวงตนเป็นแนวโกธิค)
-วงบุกเบิกอื่นๆในช่วงครึ่งปี 1990 ได้แก่ Type O Negative จาก United States / Tiamat จาก Sweden / The Gathering จาก Netherlands
-Theatre of Tragedy จาก Norwey เป็นวงที่รวมเอาเสียงก้าวร้าว(aggressive)ของผู้ชายบวกกับเสียงสะอาด(clean)ของผู้หญิงไว้ด้วยกัน
-ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 วง Moonspell, Theatres des Vampiresn และ Cradle of Filth นำวิธีปฏิบัติของโกธิคมารวมกับ black metal
-โดยจุดสิ้นสุดของทศวรรษ วง Tristania และ Within Temptation ได้พัฒนาแนวเพลง Gothic metal กลายเป็น symphonic metal
-ในศควรรษที่ 21 แนว Gothic metal ได้แพร่หลายอย่างกว้างขวางในยุโรปโดยเฉพาะในประเทศฟินแลนด์ กับวงอย่าง The 69 Eyes, Entwine, HIM, Lullacry, Poisonblack และ Sentenced วงเหล่านี้ได้ออกซิงเกิ้ลฮิตจนติดชาร์
ทต่างๆมาแล้ว
-กลับกันในประเทศสหรัฐอเมริกา มีไม่กี่วงที่แจ้งเกิดได้ เช่น HIM, LacunaCoil, Evanescence และ Cradle of Filth พวกเขาประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
*ความหลากหลายในรูปการผสมผสานแนวดนตรี*
-ภาพลักษณ์ของแนว Gothic metal โดยทั่วไปจะเป็นลักษณะชวนให้รู้สึกถึฝบะะยากาศมืดดำเข้ม
-คำคุณศัพท์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ ความมืดมน มักจะเป็นที่นิยมใช้เพื่ออธิบายดนตรีโกธิคทั่วไป เช่น deep, depressing, romantic, passionate และ intense ซึ่งมีไปบ่อยนักที่จะได้ยินในเพลงทั่วไป
-Gothic metal ได้รับการอธิบายอีกอย่างว่า "เป็นการรวมกันของ darkness and melancholy(ความมืดและความเศร้าโศก)ของแนว goth rock กับ heavy metal"
-วง Artrosis, Ava Inferi และ Draconian เป็นวงสานต่อแนวดนตรีต่อจากวงบุกเบิกอย่าง Anathema, Paradise Lost และ My Dying Bride ที่มีพื้นฐานของ Doon metal
-วง Graveworm, Drastique และ Samsas Traum เป็นวงสานต่อแนวดนตรีต่อจากวงอย่าง Cradle of Filth, Theatres des Vampires และ Moonspell ที่มีพื้นฐานของ black metal
-วง Epica, Sirenia และ After Forever เป็นวงสานต่อแนวดนตรีต่อจากวงอย่าง Tristania และ WithinTemptation ที่มีพื้นฐานของ symphonic metal
-นอกจากนี้ก็ยังมีวง Gothic metal ที่ผสมผสานแนวดนตรีอื่นๆเข้าไว้ด้วยกันอีก เช่น
Trail of Tears ผสมแนว death metal
Midnattsol ผสมแนว folk metal
Deathstars, Gothminister และ Neon Synthesis ผสมแนว industrial metal
Katatonia, Lacuna Coil และ Evanescence ผสมแนว alternative metal
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
*ความหลากหลายในรูปแบบเสียงร้อง*
-Dani Filth และ Morten Veland จะร้องในรูปแบบ guttural growls(เสียงคำรามจากคอหอย)
-Osten Bergoy จะร้องในรูปแบบ e clean counter-tenor
-Peter Steele จะร้องในรูปแบบ bass range*(ไม่แน่ใจว่าเป็นแนวการร้องหรือแนวการเล่นเบสส์)*
-สำหรับนักร้องหญิงจะมีรูปแบบการร้องแตกต่างออกไป ดังตัวอย่างเช่น
Cadaveria จะร้องในรูปแบบ scream และ growls(กรีดร้องและคำราม)
Tanja Lainio จากวง Lullacry จะร้องในรูปแบบ the "poppy"
Vibeke Stene จากวง Tristania จะร้องในรูปแบบ operatic soprano
-มีนักร้องหญิงเป็นจำนวนมากในแนว gothic metal ซึ่งมากกว่าในแนวย่อยอื่นๆของ Heavy metal
-Liv Kristine นักร้องนำของวง Theatre of Tragedy และ Leaves' Eyes พูดไว้ว่า "คนเรามักจะตีความแนวโกธิคผิดๆ ว่าเสียงร้องของผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเป็นโกธิคเสมอไป"
-เสียงร้องที่เป็นผู้หญิงจะสามารถดึงดูดแฟนเพลงผู้หญิงได้มากกว่าแนวเพลงย่อยอื่นๆ
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
*ความหลากหลายในเนื้อเพลง*
-เนื้อเพลงของแนว gothic metal มักจะพูดถึง มหากาพย์และตัวละครต่างๆ(epic and melodramatic)
-สำหรับวงดงนตรีจากอังกฤษทั้งสามวงนั้นได้ช่วยเบิกร่องแนวเพลงที่มีเนื้อเพลงซึมเศร้า ที่สะท้อนออกมาในพื้นหลังของ Doom metal
-เพลงของ My Dying Bride ได้รับข้อสังเกตว่าเป็น "drip with treachery and pain"(การทรยศหักหลังและความเจ็บปวด) จากบทเพลงที่ดูมีเสน่ห์ หลอกลวง และการล่วงละเมิดต่างๆของทุกๆคน
-Anathema กับ Paradise Lost มักจะเขียนถึง การฆ่าตัวตายต่างๆ
-นวนิยายกอธิคซึ่งเป็นแนวเพลงที่ผสมผสานวรรณกรรมสยองขวัญและโรแมนติก ได้รับแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจสำหรับเพลงของหลายวงโกธิค เช่น Cadaveria, Cradle of Filth, Moonspell, Theatres des Vampires และ Xandria
-Eduardo Rivadavia นักวิจารณ์ ของ Allmusic ระบุว่า ดราม่า ความโศกเศร้า และ ความงาม เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับแนวเพลงโกธิค
-วง My Dying Bride มักจะเขียนเรื่องความตายความเจ็บปวด การสูญเสียความรักและ ความโรแมนติก ซ้ำๆ แต่ ดำเนินเนื้อหาในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
-วง Theatre of Tragedy และ Leaves' Eyes ก็จะพูดถึงความรักที่เลือนลางและหายไป
-วง Anathema, Elis, Tiamat, Midnattsol และ The Old Dead Tree มักจะเขียนเพลงจากประสบการณ์ส่วนบุคคลเป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะทั่วไปของแนวเพลงดโกธิค
-วง Graveworm จะเขียนในแบบ การโปรดปรานสิ่งต่างๆของตัวเอง และเรื่องราวในจินตนาการ
-วง Lacuna Coil จากอิตาลี ไม่มีคุณลักษณะใดที่ชัดเจน Cristina Scabbia นักร้องสมทบพูดไว้ว่า "มันคือบทเพลงที่จินตนาการขึ้นมาคือสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหาได้ในความเป็นจริง" พวกเขาแค่อยากให้ผู้ชมสามารถเกี่ยวข้องและสนุกไปกับบทเพลงของพวกเขา
-วง Lullacry จะพูดถึง ความรักความเกลียดชังความรักและความเจ็บปวด เพราะคนสามารถเชื่อมต่อกับบทเพลงได้
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
-ในศตวรรษที่ 21 นี้ แนว gothic metal มีฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคงมากในฟินแลนด์ ซึ่งมีตัวแทนจำหน่ายจำนวนมาก และนั่นเป็นเหตุผลที่โกธิคประสบความสำเร็จอย่างมากในเชิงพาณิชย์
-นอกจางวง HIM แล้ว ยังมีวงจากฟินแลนด์ต่างๆที่ประสบความสำเร็จ ที่มีเพลงฮิตติดชาร์ทต่างๆ เช่น Charon, Entwine, For My Pain..., Lullacry, Poisonblack, Sentenced และ To/Die/For
-For My Pain... ก่อตัวเป็นกลุ่มสุดยอด(supergroup) ที่มีวงสมาชิกอย่าง Nightwish, Embraze, Eternal Tears of Sorrow และ Reflexion รวมอยู่ด้วย
+ - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - + - +
**นอกจากนี้ยังมีการร่ายประวัติตั้งแต่ก่อนจะมาเป็นโกธิคโดยระเอียดมากๆของแนวเฮฟวี่เมทัลและโกธิคร็อค
**และจุดเริ่มต้นต่างๆของสามวงบุกเบิกอย่าง Paradise Lost, My Dying Bride และ Anathema รวมไปถึงกลุ่มผู้บุกเบิกต่างๆไว้อย่างละเอียด
**และรวมไปถึงการพัฒนาไปเป็นแนวอื่นๆเช่น Gothic black metal / Symphonic gothic metal
**ความสำเร็จเชิงพาณิชย์ของ Paradise Lost, Cradle of Filth, Moonspell and Within Temptation, Lacuna Coil, Evanescence และ HIM
ซึ่งช่วงนี้ผมขอไม่แปลเพราะคิดว่ามันไม่น่าจะสำคัญมากเท่าไหร่และที่แปลมาคงน่าจะรวมข้อมูลหลักๆไว้แล้ว(คิดว่านะ)
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ประวัติแนว Doom metal
ประวัติแนว Doom metal
-แนวดนตรีดั้งเดิมคือแนว Heavy metal เมื่อต้นปี 1970 กับวง Black Sabbat.
-ต้นกำเนิดของแนว Doom metal เกิดขึ้นเมื่อกลางปี 1980 ในแถบทวีปยุโรป และอเมริกา.
-เครื่องดนตรีหลักๆ ได้แก่
กีตาร์ไฟฟ้า
เบสส์
กลอง
ร้องนำ
-ความนิยมเริ่มมาจาก วงการเพลงใต้ดิน.
-แนวเพลงที่มีความเกี่ยวพันธ์กันได้แก่
Gothic metal
Sludge metal
Post-metal
-แนวเพลงย่อย
Epic doom
Drone doom
Funeral doom
-แนวฟิวชั่น
Stoner doom
Sludge doom
Death doom
-เครื่องดนตรีที่ใช้กับหลักๆเลยคือ กีตาร์ไฟฟ้า/เบสส์/กลองชุด เป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันทั่วไปในแนว Doom metal แต่ในบางครั้งก็มีส่วนผสมของ คีย์บอร์ด ด้วย. มือกีตาร์มักจะเล่นเสียงต่ำมากและมักจะใช้เอฟเฟคช่วยในการบิดเบือนเสียง. เสียงของกีตาร์ที่เรียกกันว่า 'thick' หรือ 'heavy' เป็นลักษณะเด่นในแนวเพลงนี้. เป็นเทคนิคการเล่นในแบบฉบับของแนว heavy metal กีตาร์และเบสส์เล่นแบบริฟฟ์พร้อมๆกับ. มุ่งเน้นในจังหวะช้า และส่วนใหญ่ใช้คอร์ดไมเนอร์.
-เสียงร้องจะร้องแบบคลีน, แบบเสียงจะออกไปทางบ่งบอกความรู้สึกสิ้นหวัง สิ้นคิด หรือเจ็บปวด ลักษณะนี้ก็มีนักร้องอย่าง Ozzy Osbourne, Bobby Liebling และ Zeeb Parkes เป็นตัวอย่าง. หรือที่เรียกกันว่า epic doom. วงแนว Doom metal ได้รับอิทธิพลมาจากแนว extreme metal ที่มักจะร้องแบบ growled หรือ screamed.
-เนื้อเพลงมักจะพูดเรื่องไม่ดี พูดในแง่ร้าย เช่น ความทุกข์ทรมาน/ซึมเศร้า/กลัว/เศร้าโศก/กลัวความตายและความโกรธ ในขณะที่บางวงเขียนในรูปแบบที่ใคร่ครวนบุคคลอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงอาจได้รับแรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีอีกด้วย. วง doom metal บางวงเขียนถึงศาสนาในเพลงของพวกเขามากกว่าวงแนว heavy metal ต่างๆ.
-วง Trouble คือหนึ่งในผู้บุกเบิก ที่พูดถึง กลุ่มคริสเตียน / ภาพลึกลับ / และความป่าเถื่อนต่างๆ. สำหรับวงอื่นๆที่เขียนเกี่ยวกับศาสนามักจะมีวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงามและทำให้เป็นสัญลักษณ์ของวงเท่านั้น. นอกจากนี้บางวงยังเขียนเกี่ยวกับ ยาเสพติด เป็นแบบที่ใช้กันมากในหมู่วงดนตรี stoner doom มักจะเขียกอธิบายเกี่ยวกับสารหลอนประสาทหรือสารกระตุ้นที่ทำให้เคลิบเคลิ้ม.
-ปี 1970
Doom metal เป็นแนวที่เก่าแก่ที่สุดรองลงมาจาก heavy metal ซึ่งต้นฉบับแนวเฮฟวี่เกิดขึ้นจากวง Black Sabbath. บทเพลงของ Black Sabbath อันที่จริงจะออกไปทางบลูส์ แต่ Tony Iommi สมาชิกของวงได้เล่นจังหวะ doomy และ loud guitar ผสมเข้าไป (เขามักจะใช้ Tritone ในการเล่นและเป็นองค์ประกอบของเขา) การแปลงแนวให้กลายเป็นบรรยากาศดำมืดและร้ายกาจเป็นมาตฐานที่พวกเขาตั้งของการเริ่มต้นวงดนตรี heavy metal ก่อนที่ doom metal จะได้รับอิทธิพลตามมาอีกที. ในต้นปี 1970 วง Black Sabbath และ Pentagram เน้นหนักในการเล่นแบบหนักหน่วงและมืดมน ซึ่งช่วงปี 1980 เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น โดยนักวิจารณ์และแฟนเพลงได้เรียกว่าแนว Doom metal . และกลุ่ม Blue Cheer(กลุ่มคนที่ฟังแนวบลูส์) ได้ยกย่องว่า Black Sabbath และ Pentagram เป็นผู้บุกเบิก doom metal. วง Budgie จากประเทศเวลส์ เป็นวงที่แต่งเพลงที่ขาดเนื้อหาแต่กลับเป็นการเขียนกวีร่วมสมัยในแง่ร้ายแทน ที่เริ่มเล่นแนว heavy metal วงดนตรีเหล่านี้ตอนนั้นมักจะถูกเรียกว่า proto-doom โดยแฟนเพลง.
-พัตณาการปี 1980
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ถึง กลาง, วงดนตรีจากอังกฤษและสหรัฐอเมริกามีการก่อตัวขึ้นในแนวทางของ doom metal ที่แตกต่างกันออกไป. ในปี 1982 วง Witchfinder General จากเกาะอังกฤษ เปิดตัวอัลบั้มของพวกเขาที่มีชื่อว่า Death Penalty ซึ่งเป็นอัลบั้มที่เล่นแนวดูมเมทัล. ในช่วงปี 1984 และปี 1985 สามผู้บุกเบิกจากอเมริกันได้ปล่อยอัลบั้มออกมาในแนวเพลงผสมระหว่าง heavy metal และ doom metal ไล่ตั้งแต่ /Saint Vitus กับชื่อชุดเดียวกันกับชื่อวง/Trouble กับชุด Psalm 9 และ/Pentagram กับชุด Relentless. Candlemass วงจากประเศ สวีเดน ออกอัลบั้มชื่อ Epicus Doomicus Metallicus มาในปี 1986 เป็นชุดแรกของวง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาได้รับอิทธิพลแนวดูมเมทัลมา.
ในช่วงปี 1980 แนว doom metal ลงสู่วงการใต้ดินและถูกตีวงให้แคบลงเป็นกลุ่มแนวดนตรีขนาดเล็ก. ปี 1980 เมทัลถูกครอบงำโดยเมทันย่อยๆอย่างรวดเร็ว จากแนว สปีด และ แทรช และแนวเพลงในเชิงพาณิชย์อย่าง glam metal.
การเล่นแบบ Slower, heavier และ pessimistic ของวงดนตรีแนว doom metal ไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควร แม้กระทั่งในหมู่แฟนเพลง die-hard metal ในเวลานั้น.
*รูปแบบต่างๆ*
- Traditional doom
ปี 1990 เป็นจุดเริ่มต้นของการทดลองแนว Traditional doom ภายใต้แนว doom metal. ทุกวันนี้วงดนตรีที่เล่นแนว Traditional doom เหล่านั้นที่ยังคงรูปแบบของการเป็นผู้บุกเบิกแนวเพลง ดูมเมทัล มักจะหมายถึงคำว่า Traditional doom metal (แนวดูมเมทัลดั้งเดิมที่ยังคงรักษาไว้จากวงดนตรีหน้าใหม่).
-Epic doom
Epic doom เป็นรูปแบบของ doom metal ที่มีลักษณะสไตล์การร้องแบบ clean, operatic และ choral singing. เพลงและภาพลักษณ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากจิตนาการหรือเทพนิยาย ขณะเดียวกันเสียงกลองจะเล่นในจังหวะที่รื่นหู. อย่างไรก็ตามความแตกต่างของ Epic doom กับ traditional doom อาจจะแยกแยะยากไปซักนิด แต่วงดนตรีเด่นๆในแนวเพลงนี้ก็ยังมี เช่น Candlemass, Solitude Aeturnus, Solstice และ Doomsword เป็นต้น.
-Stoner doom
จริงๆเรียกได้หลายอย่างเช่น Stoner doom, stoner metal หรือ psychedelic doom. Stoner doom มักจะเล่นเบสส์หนักมาก ส่วนกีตาร์ก็จะใช้เอฟเฟค เช่น fuzz, phaser หรือ flanger. Stoner doom อาจแล้วเป็นรูปแบบที่หนักและช้ากว่าของแนว stoner rock ซึ่งเป็นสองรูปแบบที่เกิดขึ้นพร้อมกัน วงดนตรี เช่น Kyuss, Sleep, Acid King, Electric Wizard, Orange Goblin และ Sons of Otis เป็นกลุ่มวงดนตรีบุกเบิกแนวนี้ในกลางปี 1990.
-Sludge doom
หรือเรียกอีกอย่างว่า sludge metal เป็นสไตล์ที่ผสมผสานของ doom metal และ hardcore punk, แต่บางครั้งจะผสม Southern rock เข้าไปด้วย. วงดนตรี sludge ทั้งหลายมักแต่งเพลงช้าและหนังที่มีระยะเวลาเล่นสั้นๆเหมือนแนว hardcore. แต่บางวงเน้นจังหวะที่รวดเร็วตลอดทั้งเพลง. เสียงกลองจะเป็นการเล่นในรูปแบบ doom metal ทั่วๆไป แต่บางครั้งก็อาจใช้เทคนิคการตีกลองแบบ hardcore ในจังหวะ d-beat หรือ double-kick ที่รวดเร็ว. นักร้องมักจะร้องแบบตะโกนหรือกรีดร้อง เนื้อเพลงจะมุ่นเน้นไปที่ความทุกข์ ทรมาน ยาเสพติด การเมือง และความโกรธแค้นต่อสังคม. วงบุกเบิกที่โดเด่นที่สุดในปี 1990 ได้แก่ Eyehategod, Crowbar, Buzzov*en, Acid Bath, Grief และ The Melvins.
-Funeral doom
เป็นรูปแบบของ doom metal ที่ข้ามแนวไปเป็น death/doom ที่พูดถึงบทสวดในงานศพ. จังหวะการเล่นจะเล่นช้ามากและจะเน้นความเป็น evoking เป็นความรู้สึกของความว่างเปล่าและสิ้นหวัง. กีตาร์ไฟฟ้าจะใช้เสียง heavily distorted และ dark ambient เสียงคีย์บอร์ดจะถูกสังเคราะห์เสียเพื่อให้เกิดบรรยากาศชวนฝัน. เสียงร้องบวกกับเสียงสวดมนต์ที่โศกเศร้า หรือเสียง คำราม(growls) มักจะเป็นเสียงอีกหนึ่งไลน์เสียงที่เพิ่มเข้าไปนอกเหนือจากเสียงร้องหลัก. วงบุกเบิกได้แก่ Funeral (Norway), Thergothon (Finland), Skepticism (Finland) และ Corrupted (Japan). จริงๆแล้วแนวเพลงนี้ก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรมากนักกับการยืนยันวงแนว Funeral.
-Drone doom
Drone doom หรือที่รู้จักกันในแนว drone metal เป็นรูปแบบ doom metal ที่ต่อยอดไปเป็น Drone. กีตาร์จะเล่นเสียงสะท้อน เสียงร้องปัจจุบันจะร้องแบบ growled หรือ screamed. Drone doom มีอิทธิพลในแนวเพลง Drone, noise และ minimalist ทั้งหลาย. สไตล์เพลงเกิดในช่วงปี 1990 วงบุกเบิกได้แก่ Earth, Boris และ Sunn O))).
-Death doom
Death doom เรียก doom death กลับกันก็ได้คือรูปแบบที่ผสมผสานจังหวะช้าและบรรยากาศที่ดูในแง่ร้ายของ doom metal ในเสียงร้องแบบ growling กลองตีแบบกระเดื่องคู่(double-kick drumming) ในแนวของ death metal. อิทธิพลส่วนใหญ่เริ่มจากการทำงานของวง Hellhammer, Celtic Frost เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และได้รับการตอบรับในระดับหนึ่งในช่วงปี 1990. วงบุกเบิกได้แก่ Winter, Disembowelment, Paradise Lost, Autopsy, Novembers Doom, Anathema และ My Dying Bride.
-Gothic Doom
ผสมผสาน doom metal, Death/doom หรือเรียกว่า Gothic metal. วง Gothic doom มักจะมีนักร้องหญิงและนักร้องชายอยู่ในวงพร้อมกัน. มักเล่นจังหวะช้าสลับกับเล่นหนักหน่วง และไพเราะ ส่วนคีย์บอร์ดเล่นแบบช้าๆและไพเราะ. วง Draconian เป็นวงที่มีความโดดเด่นในแนวเพลงนี้.
รายชื่อวงที่เล่นแนว doom metal
-แนวดนตรีดั้งเดิมคือแนว Heavy metal เมื่อต้นปี 1970 กับวง Black Sabbat.
-ต้นกำเนิดของแนว Doom metal เกิดขึ้นเมื่อกลางปี 1980 ในแถบทวีปยุโรป และอเมริกา.
-เครื่องดนตรีหลักๆ ได้แก่
กีตาร์ไฟฟ้า
เบสส์
กลอง
ร้องนำ
-ความนิยมเริ่มมาจาก วงการเพลงใต้ดิน.
-แนวเพลงที่มีความเกี่ยวพันธ์กันได้แก่
Gothic metal
Sludge metal
Post-metal
-แนวเพลงย่อย
Epic doom
Drone doom
Funeral doom
-แนวฟิวชั่น
Stoner doom
Sludge doom
Death doom
-เครื่องดนตรีที่ใช้กับหลักๆเลยคือ กีตาร์ไฟฟ้า/เบสส์/กลองชุด เป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันทั่วไปในแนว Doom metal แต่ในบางครั้งก็มีส่วนผสมของ คีย์บอร์ด ด้วย. มือกีตาร์มักจะเล่นเสียงต่ำมากและมักจะใช้เอฟเฟคช่วยในการบิดเบือนเสียง. เสียงของกีตาร์ที่เรียกกันว่า 'thick' หรือ 'heavy' เป็นลักษณะเด่นในแนวเพลงนี้. เป็นเทคนิคการเล่นในแบบฉบับของแนว heavy metal กีตาร์และเบสส์เล่นแบบริฟฟ์พร้อมๆกับ. มุ่งเน้นในจังหวะช้า และส่วนใหญ่ใช้คอร์ดไมเนอร์.
-เสียงร้องจะร้องแบบคลีน, แบบเสียงจะออกไปทางบ่งบอกความรู้สึกสิ้นหวัง สิ้นคิด หรือเจ็บปวด ลักษณะนี้ก็มีนักร้องอย่าง Ozzy Osbourne, Bobby Liebling และ Zeeb Parkes เป็นตัวอย่าง. หรือที่เรียกกันว่า epic doom. วงแนว Doom metal ได้รับอิทธิพลมาจากแนว extreme metal ที่มักจะร้องแบบ growled หรือ screamed.
-เนื้อเพลงมักจะพูดเรื่องไม่ดี พูดในแง่ร้าย เช่น ความทุกข์ทรมาน/ซึมเศร้า/กลัว/เศร้าโศก/กลัวความตายและความโกรธ ในขณะที่บางวงเขียนในรูปแบบที่ใคร่ครวนบุคคลอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงอาจได้รับแรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีอีกด้วย. วง doom metal บางวงเขียนถึงศาสนาในเพลงของพวกเขามากกว่าวงแนว heavy metal ต่างๆ.
-วง Trouble คือหนึ่งในผู้บุกเบิก ที่พูดถึง กลุ่มคริสเตียน / ภาพลึกลับ / และความป่าเถื่อนต่างๆ. สำหรับวงอื่นๆที่เขียนเกี่ยวกับศาสนามักจะมีวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงามและทำให้เป็นสัญลักษณ์ของวงเท่านั้น. นอกจากนี้บางวงยังเขียนเกี่ยวกับ ยาเสพติด เป็นแบบที่ใช้กันมากในหมู่วงดนตรี stoner doom มักจะเขียกอธิบายเกี่ยวกับสารหลอนประสาทหรือสารกระตุ้นที่ทำให้เคลิบเคลิ้ม.
-ปี 1970
Doom metal เป็นแนวที่เก่าแก่ที่สุดรองลงมาจาก heavy metal ซึ่งต้นฉบับแนวเฮฟวี่เกิดขึ้นจากวง Black Sabbath. บทเพลงของ Black Sabbath อันที่จริงจะออกไปทางบลูส์ แต่ Tony Iommi สมาชิกของวงได้เล่นจังหวะ doomy และ loud guitar ผสมเข้าไป (เขามักจะใช้ Tritone ในการเล่นและเป็นองค์ประกอบของเขา) การแปลงแนวให้กลายเป็นบรรยากาศดำมืดและร้ายกาจเป็นมาตฐานที่พวกเขาตั้งของการเริ่มต้นวงดนตรี heavy metal ก่อนที่ doom metal จะได้รับอิทธิพลตามมาอีกที. ในต้นปี 1970 วง Black Sabbath และ Pentagram เน้นหนักในการเล่นแบบหนักหน่วงและมืดมน ซึ่งช่วงปี 1980 เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น โดยนักวิจารณ์และแฟนเพลงได้เรียกว่าแนว Doom metal . และกลุ่ม Blue Cheer(กลุ่มคนที่ฟังแนวบลูส์) ได้ยกย่องว่า Black Sabbath และ Pentagram เป็นผู้บุกเบิก doom metal. วง Budgie จากประเทศเวลส์ เป็นวงที่แต่งเพลงที่ขาดเนื้อหาแต่กลับเป็นการเขียนกวีร่วมสมัยในแง่ร้ายแทน ที่เริ่มเล่นแนว heavy metal วงดนตรีเหล่านี้ตอนนั้นมักจะถูกเรียกว่า proto-doom โดยแฟนเพลง.
-พัตณาการปี 1980
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ถึง กลาง, วงดนตรีจากอังกฤษและสหรัฐอเมริกามีการก่อตัวขึ้นในแนวทางของ doom metal ที่แตกต่างกันออกไป. ในปี 1982 วง Witchfinder General จากเกาะอังกฤษ เปิดตัวอัลบั้มของพวกเขาที่มีชื่อว่า Death Penalty ซึ่งเป็นอัลบั้มที่เล่นแนวดูมเมทัล. ในช่วงปี 1984 และปี 1985 สามผู้บุกเบิกจากอเมริกันได้ปล่อยอัลบั้มออกมาในแนวเพลงผสมระหว่าง heavy metal และ doom metal ไล่ตั้งแต่ /Saint Vitus กับชื่อชุดเดียวกันกับชื่อวง/Trouble กับชุด Psalm 9 และ/Pentagram กับชุด Relentless. Candlemass วงจากประเศ สวีเดน ออกอัลบั้มชื่อ Epicus Doomicus Metallicus มาในปี 1986 เป็นชุดแรกของวง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาได้รับอิทธิพลแนวดูมเมทัลมา.
ในช่วงปี 1980 แนว doom metal ลงสู่วงการใต้ดินและถูกตีวงให้แคบลงเป็นกลุ่มแนวดนตรีขนาดเล็ก. ปี 1980 เมทัลถูกครอบงำโดยเมทันย่อยๆอย่างรวดเร็ว จากแนว สปีด และ แทรช และแนวเพลงในเชิงพาณิชย์อย่าง glam metal.
การเล่นแบบ Slower, heavier และ pessimistic ของวงดนตรีแนว doom metal ไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควร แม้กระทั่งในหมู่แฟนเพลง die-hard metal ในเวลานั้น.
*รูปแบบต่างๆ*
- Traditional doom
ปี 1990 เป็นจุดเริ่มต้นของการทดลองแนว Traditional doom ภายใต้แนว doom metal. ทุกวันนี้วงดนตรีที่เล่นแนว Traditional doom เหล่านั้นที่ยังคงรูปแบบของการเป็นผู้บุกเบิกแนวเพลง ดูมเมทัล มักจะหมายถึงคำว่า Traditional doom metal (แนวดูมเมทัลดั้งเดิมที่ยังคงรักษาไว้จากวงดนตรีหน้าใหม่).
-Epic doom
Epic doom เป็นรูปแบบของ doom metal ที่มีลักษณะสไตล์การร้องแบบ clean, operatic และ choral singing. เพลงและภาพลักษณ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากจิตนาการหรือเทพนิยาย ขณะเดียวกันเสียงกลองจะเล่นในจังหวะที่รื่นหู. อย่างไรก็ตามความแตกต่างของ Epic doom กับ traditional doom อาจจะแยกแยะยากไปซักนิด แต่วงดนตรีเด่นๆในแนวเพลงนี้ก็ยังมี เช่น Candlemass, Solitude Aeturnus, Solstice และ Doomsword เป็นต้น.
-Stoner doom
จริงๆเรียกได้หลายอย่างเช่น Stoner doom, stoner metal หรือ psychedelic doom. Stoner doom มักจะเล่นเบสส์หนักมาก ส่วนกีตาร์ก็จะใช้เอฟเฟค เช่น fuzz, phaser หรือ flanger. Stoner doom อาจแล้วเป็นรูปแบบที่หนักและช้ากว่าของแนว stoner rock ซึ่งเป็นสองรูปแบบที่เกิดขึ้นพร้อมกัน วงดนตรี เช่น Kyuss, Sleep, Acid King, Electric Wizard, Orange Goblin และ Sons of Otis เป็นกลุ่มวงดนตรีบุกเบิกแนวนี้ในกลางปี 1990.
-Sludge doom
หรือเรียกอีกอย่างว่า sludge metal เป็นสไตล์ที่ผสมผสานของ doom metal และ hardcore punk, แต่บางครั้งจะผสม Southern rock เข้าไปด้วย. วงดนตรี sludge ทั้งหลายมักแต่งเพลงช้าและหนังที่มีระยะเวลาเล่นสั้นๆเหมือนแนว hardcore. แต่บางวงเน้นจังหวะที่รวดเร็วตลอดทั้งเพลง. เสียงกลองจะเป็นการเล่นในรูปแบบ doom metal ทั่วๆไป แต่บางครั้งก็อาจใช้เทคนิคการตีกลองแบบ hardcore ในจังหวะ d-beat หรือ double-kick ที่รวดเร็ว. นักร้องมักจะร้องแบบตะโกนหรือกรีดร้อง เนื้อเพลงจะมุ่นเน้นไปที่ความทุกข์ ทรมาน ยาเสพติด การเมือง และความโกรธแค้นต่อสังคม. วงบุกเบิกที่โดเด่นที่สุดในปี 1990 ได้แก่ Eyehategod, Crowbar, Buzzov*en, Acid Bath, Grief และ The Melvins.
-Funeral doom
เป็นรูปแบบของ doom metal ที่ข้ามแนวไปเป็น death/doom ที่พูดถึงบทสวดในงานศพ. จังหวะการเล่นจะเล่นช้ามากและจะเน้นความเป็น evoking เป็นความรู้สึกของความว่างเปล่าและสิ้นหวัง. กีตาร์ไฟฟ้าจะใช้เสียง heavily distorted และ dark ambient เสียงคีย์บอร์ดจะถูกสังเคราะห์เสียเพื่อให้เกิดบรรยากาศชวนฝัน. เสียงร้องบวกกับเสียงสวดมนต์ที่โศกเศร้า หรือเสียง คำราม(growls) มักจะเป็นเสียงอีกหนึ่งไลน์เสียงที่เพิ่มเข้าไปนอกเหนือจากเสียงร้องหลัก. วงบุกเบิกได้แก่ Funeral (Norway), Thergothon (Finland), Skepticism (Finland) และ Corrupted (Japan). จริงๆแล้วแนวเพลงนี้ก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรมากนักกับการยืนยันวงแนว Funeral.
-Drone doom
Drone doom หรือที่รู้จักกันในแนว drone metal เป็นรูปแบบ doom metal ที่ต่อยอดไปเป็น Drone. กีตาร์จะเล่นเสียงสะท้อน เสียงร้องปัจจุบันจะร้องแบบ growled หรือ screamed. Drone doom มีอิทธิพลในแนวเพลง Drone, noise และ minimalist ทั้งหลาย. สไตล์เพลงเกิดในช่วงปี 1990 วงบุกเบิกได้แก่ Earth, Boris และ Sunn O))).
-Death doom
Death doom เรียก doom death กลับกันก็ได้คือรูปแบบที่ผสมผสานจังหวะช้าและบรรยากาศที่ดูในแง่ร้ายของ doom metal ในเสียงร้องแบบ growling กลองตีแบบกระเดื่องคู่(double-kick drumming) ในแนวของ death metal. อิทธิพลส่วนใหญ่เริ่มจากการทำงานของวง Hellhammer, Celtic Frost เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และได้รับการตอบรับในระดับหนึ่งในช่วงปี 1990. วงบุกเบิกได้แก่ Winter, Disembowelment, Paradise Lost, Autopsy, Novembers Doom, Anathema และ My Dying Bride.
-Gothic Doom
ผสมผสาน doom metal, Death/doom หรือเรียกว่า Gothic metal. วง Gothic doom มักจะมีนักร้องหญิงและนักร้องชายอยู่ในวงพร้อมกัน. มักเล่นจังหวะช้าสลับกับเล่นหนักหน่วง และไพเราะ ส่วนคีย์บอร์ดเล่นแบบช้าๆและไพเราะ. วง Draconian เป็นวงที่มีความโดดเด่นในแนวเพลงนี้.
รายชื่อวงที่เล่นแนว doom metal
วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ประวัติสั้นๆของแนว Viking metal
Viking metal มีต้นกำเนิดมาจากแนว heavy metal.
แนวดั้งเดิมก่อนพัฒนาเป็น Viking metal คือแนว Black metal และ Folk metal.
เกิดขึ้นเมื่อปี 1980 แถบ สแกนดิเนเวีย.
เครื่องดนตรีหลักๆที่ใช้
กีตาร์ไฟฟ้า
เบสส์
กลอง
คีย์บอร์ด
นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีแปลกๆเข้ามาผสมด้วยเช่น
cavaquinho (คล้ายๆอูคูเลเล่ ทำมาจากไม้วู้ด ที่ประเทศ บราซิล และ โปรตุเกส)
flutes (ขลุ่ย)
bow (เครื่องดนตรีลักษณะคล้ายธนู)
และ trumpets (ทรัมเป็ต)
Viking metal จะเน้นการเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับตำนานนอร์ส นอร์สนอกศาสนา และกลุ่มโจรสลัดไวกิ้ง ส่วนใหญ่แนว Viking จะผสมผสานแนว black และ folk metal
ในเพลงมากพอสมควร.
ลักษณะเพลงมักจะฟังดูวุ่นวาย เสียงดัง แต่จะเติมเสียงคีย์บอร์ดเข้าไปเพื่อทำให้ท่วงทำนองเพลงนั้นดูเศร้าและเคว้งคว้าง.
แนว Viking มักจะดึงกลิ่นแนว folk เข้ามาผสมมาก จึงทำให้เพลงบางส่วนจะฟังเหมือนอคูสติก เครื่องมือก็จะมีนอกเหนือไปจากเครื่องดนตรีเดิมๆที่แนวเมทัลใช้กัน.
วง Bathory จากประเทศ สวีเดน คือวงดนตรีที่เรียกได้ว่าเป็นรุ่นบุกเบิกแนว Viking metal เลยก็ว่าได้.
อัลบั้มแรกในชื่อชุดเดียวกับชื่อวง Bathory ถูกปล่อยออกวางจำหน่ายในปี 1984 ในแนวเพลง Black Metal กับค่าย Black Mark Productions.
ชุด 2 และ 3 เล่นแนว First-wave black metal.
มาถึงชุดที่ 4 ในชื่อชุด Blood Fire Death ปล่อยออกมาปี 1988 มีเพลงอย่าง "A Fine Day to Die" และ "Blood Fire Death" ที่มีกลิ่นของ Viking metal ตลบอบอวลไปหมด.
Eduardo Rivadavia จาก allmusic **(หรือก่อนหน้านี้เรียก All Music Guide เป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับดนตรี มีเจ้าของคือออลมีเดียไกด์ ก่อตั้งในปี 1991 โดยไมเคิล
เออร์เลไวน์ เพื่อเป็นไกด์ให้กับผู้บริโภค ออกหนังสือใช้สำหรับอ้างอิงในปี 1992 และหลังจากนั้นเมื่อมีเวิลด์ไวด์เว็บขึ้น ก็มีในโกเฟอร์)** อธิบายไว้ว่า ชุดนี้อาจเป็นต้นแบบ
ที่แท้จริงครั้งแรกของแนวเพลง Viking metal.
ในปี 1990 ได้เปิดตัวอัลบั้มใหม่ที่ชื่อว่า Hammerheart เป็นอัลบั้มที่สำคัญที่ต้องจารึกไว้เลยว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปทั่วโลกว่าชุดนี้และพวกเขามาพร้อมกับแนวเพลง Viking metal.
ในปี 1991 เริ่มมีกลุ่มดนตรีแนว Viking ก่อตัวขึ้น อย่างในประเทศนอร์เวย์ ก็มีวงอย่าง Enslaved ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1991.
Vikingligr Veldi คืออัลบั้มเต็มชุดแรกของ Enslaved ออกในปี 1994 ที่เล่นแนว Viking metal ผสมกับ Black Metal.
(ก่อนหน้าปี 1993 ออก EP ชื่อว่า Hordanes Land เล่นแนว Black Metal).
วง Enslaved ได้รับอิทธิพลมาจากวง Bathory.
วง Enslaved ได้เปลี่ยนแปลงแนว Viking metal เล็กน้อยโดยจะพูดถึงเรื่องตำนานต่างๆและประเพณีเก่าๆของประเทศนอร์เวย์แทนการเขียนเรื่องโจรสลัดไวกิ้งหรือตำนานนอร์ส.
Frost อัลบั้มชุกที่ 2 ของ Enslaved ออกมาในปีเดียวกับชุดแรก ซึ่งเป็นการปล่อยอัลบั้ม 2 ชุดในปีเดียวกัน และมีกลิ่นของ Viking metal ผสมกับ Black Metal เช่นเดิม.
จบแล้วครับ
แนวดั้งเดิมก่อนพัฒนาเป็น Viking metal คือแนว Black metal และ Folk metal.
เกิดขึ้นเมื่อปี 1980 แถบ สแกนดิเนเวีย.
เครื่องดนตรีหลักๆที่ใช้
กีตาร์ไฟฟ้า
เบสส์
กลอง
คีย์บอร์ด
นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีแปลกๆเข้ามาผสมด้วยเช่น
cavaquinho (คล้ายๆอูคูเลเล่ ทำมาจากไม้วู้ด ที่ประเทศ บราซิล และ โปรตุเกส)
flutes (ขลุ่ย)
bow (เครื่องดนตรีลักษณะคล้ายธนู)
และ trumpets (ทรัมเป็ต)
Viking metal จะเน้นการเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับตำนานนอร์ส นอร์สนอกศาสนา และกลุ่มโจรสลัดไวกิ้ง ส่วนใหญ่แนว Viking จะผสมผสานแนว black และ folk metal
ในเพลงมากพอสมควร.
ลักษณะเพลงมักจะฟังดูวุ่นวาย เสียงดัง แต่จะเติมเสียงคีย์บอร์ดเข้าไปเพื่อทำให้ท่วงทำนองเพลงนั้นดูเศร้าและเคว้งคว้าง.
แนว Viking มักจะดึงกลิ่นแนว folk เข้ามาผสมมาก จึงทำให้เพลงบางส่วนจะฟังเหมือนอคูสติก เครื่องมือก็จะมีนอกเหนือไปจากเครื่องดนตรีเดิมๆที่แนวเมทัลใช้กัน.
วง Bathory จากประเทศ สวีเดน คือวงดนตรีที่เรียกได้ว่าเป็นรุ่นบุกเบิกแนว Viking metal เลยก็ว่าได้.
อัลบั้มแรกในชื่อชุดเดียวกับชื่อวง Bathory ถูกปล่อยออกวางจำหน่ายในปี 1984 ในแนวเพลง Black Metal กับค่าย Black Mark Productions.
ชุด 2 และ 3 เล่นแนว First-wave black metal.
มาถึงชุดที่ 4 ในชื่อชุด Blood Fire Death ปล่อยออกมาปี 1988 มีเพลงอย่าง "A Fine Day to Die" และ "Blood Fire Death" ที่มีกลิ่นของ Viking metal ตลบอบอวลไปหมด.
Eduardo Rivadavia จาก allmusic **(หรือก่อนหน้านี้เรียก All Music Guide เป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับดนตรี มีเจ้าของคือออลมีเดียไกด์ ก่อตั้งในปี 1991 โดยไมเคิล
เออร์เลไวน์ เพื่อเป็นไกด์ให้กับผู้บริโภค ออกหนังสือใช้สำหรับอ้างอิงในปี 1992 และหลังจากนั้นเมื่อมีเวิลด์ไวด์เว็บขึ้น ก็มีในโกเฟอร์)** อธิบายไว้ว่า ชุดนี้อาจเป็นต้นแบบ
ที่แท้จริงครั้งแรกของแนวเพลง Viking metal.
ในปี 1990 ได้เปิดตัวอัลบั้มใหม่ที่ชื่อว่า Hammerheart เป็นอัลบั้มที่สำคัญที่ต้องจารึกไว้เลยว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปทั่วโลกว่าชุดนี้และพวกเขามาพร้อมกับแนวเพลง Viking metal.
ในปี 1991 เริ่มมีกลุ่มดนตรีแนว Viking ก่อตัวขึ้น อย่างในประเทศนอร์เวย์ ก็มีวงอย่าง Enslaved ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1991.
Vikingligr Veldi คืออัลบั้มเต็มชุดแรกของ Enslaved ออกในปี 1994 ที่เล่นแนว Viking metal ผสมกับ Black Metal.
(ก่อนหน้าปี 1993 ออก EP ชื่อว่า Hordanes Land เล่นแนว Black Metal).
วง Enslaved ได้รับอิทธิพลมาจากวง Bathory.
วง Enslaved ได้เปลี่ยนแปลงแนว Viking metal เล็กน้อยโดยจะพูดถึงเรื่องตำนานต่างๆและประเพณีเก่าๆของประเทศนอร์เวย์แทนการเขียนเรื่องโจรสลัดไวกิ้งหรือตำนานนอร์ส.
Frost อัลบั้มชุกที่ 2 ของ Enslaved ออกมาในปีเดียวกับชุดแรก ซึ่งเป็นการปล่อยอัลบั้ม 2 ชุดในปีเดียวกัน และมีกลิ่นของ Viking metal ผสมกับ Black Metal เช่นเดิม.
จบแล้วครับ
วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ประวัติแนว Psychedelic music
- Psychedelic music เป็นสไตล์เพลงที่ครอบคลุมทุกแนวเพลง มันเกิดขึ้นในช่วงปี 1960 ในกลุ่มดนตรีแนว folkrock และ blues-rock ในอเมริกา และ ประเทศจากเกาะอังกฤษ. มักจะใช้เทคนิคการบันทึกเสียงที่แตกต่างออกไปที่ไม่ใช่แนวการบันทึกแบบชาวตะวันตก เช่น การเอา ragas และ drones ของเพลงสไตล์ อินเดียเข้ามาผสม. Psychedelic แพร่กระจายเข้าไปในแนวเพลงอย่าง folk rock pop soul ในปี 1960 ก่อนที่จะลดความนิยมในช่วงต้นปี 1970. Psychedelic ได้วางรากฐานในการสร้างแนวดนตรีใหม่มากมายไม่ว่าจะเป็น progressive rock, kosmische musik, synth rock, jazz rock, heavy metal, glam rock, funk, electro และ bubblegum pop. หลังจากนั้นช่วงปี 1980 Psychedelic ก็ได้พื้นขึ้นมาอีกครั้งในรูปแบบ neopsychedelia และเข้าไปผสมอยู่กับแนวเพลงอย่าง acid house, trance music (รู้จักในคำว่า psychedelic trance) และ new rave.
- ไม่เพียงแต่เพลงเท่านั้น Psychedelic ยังเข้าไปมีส่วยเกี่ยวข้องกับงานอย่าง ศิลปะ วรรณคดี และ ภาพยนตร์ อีกด้วย (psychedelic art, psychedelic literature and film)
- คุณสมบัติของเพลงแนว Psychedelic มีดังต่อไปนี้
เครื่องดนตรีที่แตกต่างจากดนตรีแนวอื่น เช่น sitar และ tabla
โครงสร้างของเพลงมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยการแต่ง คำร้อง ทำนอง ที่พังแล้วรู้สึกว่าซับซ้องแปลกแตกต่างจากเพลงเดิมๆในยุคนั้น
เนื้อเพลงต่างๆมักได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมต่างๆเช่น surreal, whimsical, esoterically หรือ literary
solos หรือ jams จะมีความสำคัญมากในแนวเพลงนี้
กีตาร์ไฟฟ้าใช้เอฟเฟคในการช่วยแต่งเสียง
organs, harpsichords และ the Mellotron ก็เป็นเครื่องดนตรีต้บแบบ
อุปกรณ์ electronic ดั้งเดิมอย่าง synthesizers และ the theremin ก็เป็นส่วนหนึ่งของแนวเพลงนี้
ภายหลังรูปแบบของ electronic ได้เปลี่ยนไปโดยการนำ computer เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
- แนว Psychedelic ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั้งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของอเมริกา ในกลุ่มดนตรี folk ช่วงกลางปี 1960.
- ในเมือง San Francisco ก็ได้ผลิตวงดนตรีที่เล่นแนว psych folk อย่าง Kaleidoscope, It's a Beautiful Day, Peanut Butter Conspiracy และ H. P. Lovecraft.
- ที่หมู่บ้าน Greenwich Village เมือง New York city's มีวงที่เล่นแนวนี้ด้วยอย่าง Jake and the Family Jewels และ Cat Mother & the All Night Newsboys และในเมือง Florida ก็มีวง Pearls Before Swine.
- Grateful Dead, Jefferson Airplane, Captain Beefheart, Country Joeandthe Fish, The Great Society และ Quicksilver Messenger Service วงเหล่านี้เริ่มแตกแขนงไปเล่นแนว folk rock ช่วงปี 1965 ตามวง The Byrds.
- Blues, drugs, jazz มีอิทธิพลมากในแถบภาคตะวันออกตั้งแต่ปี 1964 กับผลงานของ Davy Graham และ Bert Jansch.
- อย่างไรก็ตามมีการอ้างอิงว่า psychedelic rock ได้มีการเริ่มเล่นครั้งแรกโดยวง 13th Floor Elevators จากเมือง Austin, Texas พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่ว San Francisco.
- ปี 1966 วงการ underground ในแถบภาคเหนือของกรุงลอนดอน ได้รับการสนับสนุนในการเล่นแนวเพลง Psychedelic rock โดยวงอย่าง Pink Floyd, Traffic และ Soft Machine.
- ในปีเดียวกัน วงดนตรีที่เล่นแนว blue rock อย่าง Cream และ The Jimi Hendrix Experienc ได้มีการนำเทคนิคการเล่นแบบ guitar-heavy เข้ามาผมสผสาน จึงทำให้กลายเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของแนวเพลง psychedelia.
- ปี 1967 วง the Beatles ได้ปล่อยอัลบั้มที่ชื่อว่า Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band และเพลงอย่าง Lucy in the Sky with Diamonds ในชุดนี้ก็เป็นการตอบโจทย์มากที่สุดในสาย psychedelic.
- ภายหลัง 1 ปี วง Rolling Stones ก็ออกอัลบั้มชื่อว่า Their Satanic Majesties Request มาตอกย้ำความป็น psychedelic อีกชุด.
- อัฃบั้ม The Piper at the Gates of Dawn เป็นชุดที่ดีที่สุดในแนวเพลง psychedelic ของสุดยอดวง Pink Floyd.
- ในอเมริกาจะมีเทศกาลอย่าง Summer of Love หรือ Human Be-In ให้วงดนตรีต่างๆได้เล่น แต่งานที่สุดยอดที่สุดอย่าง Monterey Pop Festival นี้เป็นงานที่ได้ให้กำเนิดดาวดวงใหม่แห่งวงการเพลง psychedelic นั่นก็คือ Jimi Hendrix เพลงที่เขาได้ขึ้นเล่นบนเวทีและเป็นเพลงเดียวที่เล่นในงานนี้และทำให้เขาเป็นสตาร์นั่นก็คือเพลง I Can See for Miles.
- งานเทศกาลดนตรีอย่าง Woodstock festival ปี 1969 วงดนตรีดังๆอย่าง Jimi Hendrix, Janis Joplin และ Santana ก็ได้เข้าร่วมงานนี้ด้วย.
- เพลง Good Vibrations ของวง The Beach Boys เป็นเพลงแนวป๊อปแรกที่ผสมสไตล์การเขียนเพลงและเล่นแบบ psychedelic โดยการใช้เครื่องขยายเสียงอย่าง Theremin.
- วงดนตรีอย่าง Electric Prunes, Strawberry Alarm Clock และ Blues Magoos เป็นวงจากอเมริกาที่เล่นแนว Psychedelic pop.
- เสียง Psychedelic ยังเป็นต้นกำเนิดผลผลิตของแนวอย่าง bubblegum pop อีกด้วย ส่วนวงที่เล่นแนว bubblegum pop ก็อย่างเช่นวง The Monkees และ The Lemon Pipers.
- psychedelia เป็นที่นิยมในหมู่วงดนตรีที่เกิดขึ้นใหม่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์รวมถึงวง The Easybeats ที่มีต้นกำเนิดที่ ซิดนีย์.
- Bee Gees คืออีกวงดนตรีระดับตำนานเกิดขึ้นที่เมือง Brisbane แต่ออกอัลบั้มแรกที่ชื่อว่า Bee Gees 1st ปี 1967 ในลอนดอน, และพวกเขาก็มีเพลงฮิตถึง 3 เพลง และทั้ง 3 เพลงนั้นก็มีกลิ่นของ folk, rock และ psychedelic ผสมอยู่ด้วย.
- The La De Da วงดนตรี psychedelic pop เป็นที่โด่งดังที่ประเทศ New Zealand กับชุด The Happy Prince ปี 1968 แต่ประสบความล้มเหลวในการโปรโมทในสหราชอาณาจักรและทั่วโลก.
- Psychedelic soul ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องสิทธิมนุษยชน และการเมือง.
- เสียงแนวเพลง funk ของ James Brown เขาเป็นผู้บุกเบิกแนวเพลง soul และเพลงของวงดนตรีต่อไปนี้ก็เป็นแนวเพลง Psychedelic soul
"Dance to the Music" (1968) / "Everyday People" (1968) และ "I Want to Take You Higher" (1969) ของวง Sly and the Family Stone.
"Cloud Nine" (1968), "Runaway Child, Running Wild" (1969) และ "Psychedelic Shack" (1969) ของวง TheTemptations.
"LoveChild" (1968) และ "StonedLove" (1970) ของวง Supremes.
"Timehascometoday" (1966) ของวง The Chambers Brothers.
"StonedSoulPicnic" (1968) ของวง The 5th Dimension *มีการนำกลับมาร้องใหม่โดยนักร้องสาวสวย Laura Nyro*
"SmilingFacesSometimes" (1971) ของวง the UndisputedTruth
รวมไปถึงศิลปินเดี่ยวอย่าง Edwin Starr กับเพลง "War" (1970).
- วงดนตรีจำนวนไม่น้อนที่ได้ทำการต่อยอดแนวดนตรีออกไปในแนวทางของ progressive rock ไม่ว่าจะเป็น Pink Floyd, Soft Machine และสมาชิกบางคนของวง Yes (คนฟังแนว progressive ใหม่ๆคงต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นฟังแนว Psychedelic ใหม่กันเลยทีเดียว).
- วง King Crimson กับชุด In the Court of the Crimson King ปี 1969 ได้ถูกมองว่าเป็นอัลบั้มที่เชื่อมโยงระหว่างแนว psychedelia และ progressive rock.
- ในขณะที่วงดนตรีอย่าง Hawkwind ก็เล่นแนว psychedelic อย่างชัดเจนในปี 1970 แต่กลับกันวงดนตรีส่วนใหญ่กลับลดแนวการเล่น psychedelic ลง.
- แนวดนตรีเริ่มเปลี่ยนทิศทาง psychedelic ได้รับความนิยมลดลง, และนักดนตรีรุ่นใหม่ๆเริ่มให้ความสำคัญกับแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นแนวเพลงทดลองในเยอรมันขณะนั้น วงต่างๆที่เข้าสู่แนวเพลง electronic ได้แก่ Kraftwerk, Tangerine Dream, Can และ Faust ซึ่งเป็นวงพัฒนาแนวเพลงให้กลายเป็นที่โดเด่นในแนว electronic rock และเป็นที่รู้จักกันในคำว่า kosmische musik แต่ในอังกฤษจะรู้จักกันในคำว่า Kraut rock.
- ได้รับการยอมรับมากขึ้นในการนำ electronic synthesisers มาใช้ ผู้บุกเบิกโดยวง Popol Vuh ปี 1970 จากเยอรมัน พร้อมๆกับ Brian Eno ผู้เล่นคีย์บอร์ดในแนวเพลงร็อคและมีอิทธิพลสำคัญต่อแนวเพลง synth rock ในภายหลัง.
- นอกเหนือไปจากนั้นยังมีวงอย่าง Colosseum ที่สนบัสนุนในแนวเพลง jazz rock ซึ่งเป็นแนวเพลงที่พัฒนาจากการรวมเอา Jazz มาผสมกับ rock(ซึ่งแนวร็อคก็มีรากฐานมาจาก psychedelic).
- Psychedelic rock กับสไตล์การเล่นกีตาร์แบบ distorted extended solos และ adventurous ถูกมองว่าเป็นสะพานสำคัญในแนวเพลง blues rock ที่ก้าวกระโดดเป็นแนวเพลง heavy metal ในภายหลัง.
- สองมือกีตาร์ระดับตำนานอย่าง Jeff Beck และ Jimmy Page ได้เข้ารวมกลุ่มวงดนตรีที่เป็นที่โด่งดังในอนาคต โดย Jeff Beck ทำวงที่ชื่อว่า The Jeff Beck Group ส่วน Jimmy Page ได้ร่วมเล่นกับ Led Zeppelin.
- วงบุกเบิกในแนวดนตรี Blue ในแนวทางของ Psychedelic ได้แก่ Black Sabbath, Deep Purple, Judas Priest และ UFO ก่อนที่วงเหล่าน้จะแตกแขนงแนวไปเป็นแนวอื่น.
- เพลงแนว Psychedelic ยังเป็นจุดกำเนิดของแนว glam rock, โดย Marc Bolan จากวง T-Rex ที่เปลี่ยนแนวดนตรีจาก psychedelic folk ที่เล่นอยู่ก่อนหน้านั้นเป็นแนว glam rock และพวกเขาก็ได้เป็นดาวประดับวงการเพลงในแนว glam rock ในปี 1970 ไปในที่สุด.
- ขณะปี 1970 นี่เอง ก็ยังมีการหักเหแนวเพลงอย่างมากมายดังตัวอย่าง psychedelic soul ได้ถูกผสมผสานเข้ากับแนวเพลงอย่าง funk และ disco ในที่นุด.
- ในสหรัฐอเมริกาในต้นทศวรรษ 1980 ที่ Los Angeles วง Dream Syndicate, The Bangles และ Rain Paradeได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเคลื่อนไหวแนวอย่าง Paisley Underground(แนวเพลงทดลอง).
- ผลงานการทำงานในแนวเพลง neo-psychedelia ของ Prince ช่วงกลางปี 1980 และ ผลงานบางส่วนของ Lenny Kravitz ในปี 1990 ที่สามารถต่อยอดและเป็นอิทธิพลต่อวงดนตรีที่เล่นแนวเพลงอย่าง alternative และ indie-rock.
- ในปี 1990 ค่ายอย่าง The Elephant 6 Recording Company ได้ผลิตวงดนตรีหน้าใหม่ที่เล่นแนว eclectic psychedelic rock และ folk ออกมา เช่น The Apples in Stereo, The Olivia Tremor Control, Neutral Milk Hotel, Elf Power และ Of Montreal.
- The Church และ Bevis Frond วงจากประเทศ Australian ที่เล่นแนว alternative rock ก็ได้รับอิทธิพลจาก Psychedelic เช่นกัน.
- space rock(แนวทดลอง ต้นฉบับมาจาก Rock) แนวนี้มีวงอย่าง Spacemen 3, MercuryRev, the Flaming Lips และ Super Furry Animals ไดทดลองเล่นก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นแนวอื่นๆภายหลัง.
- ปี 1990 แนวเพลง stoner rock ได้ก่อกำเนิดขึ้นโดยมีองค์ประกอบมาจาก psychedelic rock, blues-rock และ doom metal. โดยปกติจะเล่นในจังหวะช้าไล่ไปกลางและมีเสียงกีตาร์โทนต่ำ เสียงเบสเล่นหนัก ส่วนเสียงร้องจะร้องแบบไพเราะ มีวงบุกเบิกที่มาจากแถบ Californian โดย Kyuss และ Sleep.
- The Stone Roses วงจาก เมืองแมนเชสเตอร์ เปิดตัวด้วยการเล่นแนว alternative rock ซึ่งแตกมาจาก neo-psychedelic และถูกเรียกกันในแนว Madchester และมีอิทธิพลต่อวงดนตรีแนว Britpop อย่าง Blur และ Oasis ส่วนอัลบั้ม Standing on the Shoulder of Giants ของ Oasis นั้นเล่นในแนวเพลง alternative rock และ neo-psychedelic อย่างชัดเจน.
ส่วนแนว /acid house /trance /new rave ผมขอไม่แปลแล้วกันเพราะที่แปลมา Psychedelic ก็แตกแขนงมาไกลพอแล้ว
ขอจบเพียงเท่านี้ครับ
- ไม่เพียงแต่เพลงเท่านั้น Psychedelic ยังเข้าไปมีส่วยเกี่ยวข้องกับงานอย่าง ศิลปะ วรรณคดี และ ภาพยนตร์ อีกด้วย (psychedelic art, psychedelic literature and film)
- คุณสมบัติของเพลงแนว Psychedelic มีดังต่อไปนี้
เครื่องดนตรีที่แตกต่างจากดนตรีแนวอื่น เช่น sitar และ tabla
โครงสร้างของเพลงมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยการแต่ง คำร้อง ทำนอง ที่พังแล้วรู้สึกว่าซับซ้องแปลกแตกต่างจากเพลงเดิมๆในยุคนั้น
เนื้อเพลงต่างๆมักได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมต่างๆเช่น surreal, whimsical, esoterically หรือ literary
solos หรือ jams จะมีความสำคัญมากในแนวเพลงนี้
กีตาร์ไฟฟ้าใช้เอฟเฟคในการช่วยแต่งเสียง
organs, harpsichords และ the Mellotron ก็เป็นเครื่องดนตรีต้บแบบ
อุปกรณ์ electronic ดั้งเดิมอย่าง synthesizers และ the theremin ก็เป็นส่วนหนึ่งของแนวเพลงนี้
ภายหลังรูปแบบของ electronic ได้เปลี่ยนไปโดยการนำ computer เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
Psychedelic folk
- มีการเล่นในแนวนี้เป็นครั้งแรกในเมือง New York โดยกลุ่มนักดนตรี folk อย่าง The Holy Modal Rounders กับเพลง Hesitation Blues ในปี 1964.- แนว Psychedelic ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทั้งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของอเมริกา ในกลุ่มดนตรี folk ช่วงกลางปี 1960.
- ในเมือง San Francisco ก็ได้ผลิตวงดนตรีที่เล่นแนว psych folk อย่าง Kaleidoscope, It's a Beautiful Day, Peanut Butter Conspiracy และ H. P. Lovecraft.
- ที่หมู่บ้าน Greenwich Village เมือง New York city's มีวงที่เล่นแนวนี้ด้วยอย่าง Jake and the Family Jewels และ Cat Mother & the All Night Newsboys และในเมือง Florida ก็มีวง Pearls Before Swine.
- Grateful Dead, Jefferson Airplane, Captain Beefheart, Country Joeandthe Fish, The Great Society และ Quicksilver Messenger Service วงเหล่านี้เริ่มแตกแขนงไปเล่นแนว folk rock ช่วงปี 1965 ตามวง The Byrds.
- Blues, drugs, jazz มีอิทธิพลมากในแถบภาคตะวันออกตั้งแต่ปี 1964 กับผลงานของ Davy Graham และ Bert Jansch.
Psychedelic rock
- The Beatles วงดนตรีระดับตำนาน ได้นำองค์ประกอบสำคัญหลายๆอย่างของ Psychedelic กระจายสู่ผู้ชม ในกลางปี 1960 กับอัลบั้ม I Feel Fine ปี 1964 โดยใช้เสียงใหม่ๆของกีตาร์, ในปลายปี 1965 วง The Beatles ได้ออกอัลบั้มชื่อว่า Rubber Soul ซึ่งอัลบั้มชุดนี้ได้เอาเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่ชื่อว่า Sitar ที่มาจากไม้นอร์เวย์ มาเล่นในชุดนี้ด้วย.- อย่างไรก็ตามมีการอ้างอิงว่า psychedelic rock ได้มีการเริ่มเล่นครั้งแรกโดยวง 13th Floor Elevators จากเมือง Austin, Texas พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่ว San Francisco.
- ปี 1966 วงการ underground ในแถบภาคเหนือของกรุงลอนดอน ได้รับการสนับสนุนในการเล่นแนวเพลง Psychedelic rock โดยวงอย่าง Pink Floyd, Traffic และ Soft Machine.
- ในปีเดียวกัน วงดนตรีที่เล่นแนว blue rock อย่าง Cream และ The Jimi Hendrix Experienc ได้มีการนำเทคนิคการเล่นแบบ guitar-heavy เข้ามาผมสผสาน จึงทำให้กลายเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของแนวเพลง psychedelia.
- ปี 1967 วง the Beatles ได้ปล่อยอัลบั้มที่ชื่อว่า Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band และเพลงอย่าง Lucy in the Sky with Diamonds ในชุดนี้ก็เป็นการตอบโจทย์มากที่สุดในสาย psychedelic.
- ภายหลัง 1 ปี วง Rolling Stones ก็ออกอัลบั้มชื่อว่า Their Satanic Majesties Request มาตอกย้ำความป็น psychedelic อีกชุด.
- อัฃบั้ม The Piper at the Gates of Dawn เป็นชุดที่ดีที่สุดในแนวเพลง psychedelic ของสุดยอดวง Pink Floyd.
- ในอเมริกาจะมีเทศกาลอย่าง Summer of Love หรือ Human Be-In ให้วงดนตรีต่างๆได้เล่น แต่งานที่สุดยอดที่สุดอย่าง Monterey Pop Festival นี้เป็นงานที่ได้ให้กำเนิดดาวดวงใหม่แห่งวงการเพลง psychedelic นั่นก็คือ Jimi Hendrix เพลงที่เขาได้ขึ้นเล่นบนเวทีและเป็นเพลงเดียวที่เล่นในงานนี้และทำให้เขาเป็นสตาร์นั่นก็คือเพลง I Can See for Miles.
- งานเทศกาลดนตรีอย่าง Woodstock festival ปี 1969 วงดนตรีดังๆอย่าง Jimi Hendrix, Janis Joplin และ Santana ก็ได้เข้าร่วมงานนี้ด้วย.
Psychedelic pop
- หลังจาก Psychedelic ได้รับความนิยมอย่างมาก Psychedelic เริ่มมีอิทธิพลต่อดนตรีแนว Pop, ซึ่งรวมไปถึงแฟชั่นฮิปๆด้วยในสมัยนั้น สาเหตุในการแพร่กระจายแนวเพลงเข้าสู่วงการ Pop และแฟชั่น คงจะหนีไม่พ้นกับเครื่องดนตรีอย่าง sitars, fuzz guitars และ tape effects.- เพลง Good Vibrations ของวง The Beach Boys เป็นเพลงแนวป๊อปแรกที่ผสมสไตล์การเขียนเพลงและเล่นแบบ psychedelic โดยการใช้เครื่องขยายเสียงอย่าง Theremin.
- วงดนตรีอย่าง Electric Prunes, Strawberry Alarm Clock และ Blues Magoos เป็นวงจากอเมริกาที่เล่นแนว Psychedelic pop.
- เสียง Psychedelic ยังเป็นต้นกำเนิดผลผลิตของแนวอย่าง bubblegum pop อีกด้วย ส่วนวงที่เล่นแนว bubblegum pop ก็อย่างเช่นวง The Monkees และ The Lemon Pipers.
- psychedelia เป็นที่นิยมในหมู่วงดนตรีที่เกิดขึ้นใหม่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์รวมถึงวง The Easybeats ที่มีต้นกำเนิดที่ ซิดนีย์.
- Bee Gees คืออีกวงดนตรีระดับตำนานเกิดขึ้นที่เมือง Brisbane แต่ออกอัลบั้มแรกที่ชื่อว่า Bee Gees 1st ปี 1967 ในลอนดอน, และพวกเขาก็มีเพลงฮิตถึง 3 เพลง และทั้ง 3 เพลงนั้นก็มีกลิ่นของ folk, rock และ psychedelic ผสมอยู่ด้วย.
- The La De Da วงดนตรี psychedelic pop เป็นที่โด่งดังที่ประเทศ New Zealand กับชุด The Happy Prince ปี 1968 แต่ประสบความล้มเหลวในการโปรโมทในสหราชอาณาจักรและทั่วโลก.
Psychedelic soul
- Psychedelic ได้แพร่กระจายเข้าสู่นักดนตรีชาวอเมริกันแอฟริกัน, โดยเฉพาะอย่างยิ่งกันนักดนตรีของค่าย Motown label.- Psychedelic soul ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องสิทธิมนุษยชน และการเมือง.
- เสียงแนวเพลง funk ของ James Brown เขาเป็นผู้บุกเบิกแนวเพลง soul และเพลงของวงดนตรีต่อไปนี้ก็เป็นแนวเพลง Psychedelic soul
"Dance to the Music" (1968) / "Everyday People" (1968) และ "I Want to Take You Higher" (1969) ของวง Sly and the Family Stone.
"Cloud Nine" (1968), "Runaway Child, Running Wild" (1969) และ "Psychedelic Shack" (1969) ของวง TheTemptations.
"LoveChild" (1968) และ "StonedLove" (1970) ของวง Supremes.
"Timehascometoday" (1966) ของวง The Chambers Brothers.
"StonedSoulPicnic" (1968) ของวง The 5th Dimension *มีการนำกลับมาร้องใหม่โดยนักร้องสาวสวย Laura Nyro*
"SmilingFacesSometimes" (1971) ของวง the UndisputedTruth
รวมไปถึงศิลปินเดี่ยวอย่าง Edwin Starr กับเพลง "War" (1970).
- วงดนตรีจำนวนไม่น้อนที่ได้ทำการต่อยอดแนวดนตรีออกไปในแนวทางของ progressive rock ไม่ว่าจะเป็น Pink Floyd, Soft Machine และสมาชิกบางคนของวง Yes (คนฟังแนว progressive ใหม่ๆคงต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นฟังแนว Psychedelic ใหม่กันเลยทีเดียว).
- วง King Crimson กับชุด In the Court of the Crimson King ปี 1969 ได้ถูกมองว่าเป็นอัลบั้มที่เชื่อมโยงระหว่างแนว psychedelia และ progressive rock.
- ในขณะที่วงดนตรีอย่าง Hawkwind ก็เล่นแนว psychedelic อย่างชัดเจนในปี 1970 แต่กลับกันวงดนตรีส่วนใหญ่กลับลดแนวการเล่น psychedelic ลง.
- แนวดนตรีเริ่มเปลี่ยนทิศทาง psychedelic ได้รับความนิยมลดลง, และนักดนตรีรุ่นใหม่ๆเริ่มให้ความสำคัญกับแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นแนวเพลงทดลองในเยอรมันขณะนั้น วงต่างๆที่เข้าสู่แนวเพลง electronic ได้แก่ Kraftwerk, Tangerine Dream, Can และ Faust ซึ่งเป็นวงพัฒนาแนวเพลงให้กลายเป็นที่โดเด่นในแนว electronic rock และเป็นที่รู้จักกันในคำว่า kosmische musik แต่ในอังกฤษจะรู้จักกันในคำว่า Kraut rock.
- ได้รับการยอมรับมากขึ้นในการนำ electronic synthesisers มาใช้ ผู้บุกเบิกโดยวง Popol Vuh ปี 1970 จากเยอรมัน พร้อมๆกับ Brian Eno ผู้เล่นคีย์บอร์ดในแนวเพลงร็อคและมีอิทธิพลสำคัญต่อแนวเพลง synth rock ในภายหลัง.
- นอกเหนือไปจากนั้นยังมีวงอย่าง Colosseum ที่สนบัสนุนในแนวเพลง jazz rock ซึ่งเป็นแนวเพลงที่พัฒนาจากการรวมเอา Jazz มาผสมกับ rock(ซึ่งแนวร็อคก็มีรากฐานมาจาก psychedelic).
- Psychedelic rock กับสไตล์การเล่นกีตาร์แบบ distorted extended solos และ adventurous ถูกมองว่าเป็นสะพานสำคัญในแนวเพลง blues rock ที่ก้าวกระโดดเป็นแนวเพลง heavy metal ในภายหลัง.
- สองมือกีตาร์ระดับตำนานอย่าง Jeff Beck และ Jimmy Page ได้เข้ารวมกลุ่มวงดนตรีที่เป็นที่โด่งดังในอนาคต โดย Jeff Beck ทำวงที่ชื่อว่า The Jeff Beck Group ส่วน Jimmy Page ได้ร่วมเล่นกับ Led Zeppelin.
- วงบุกเบิกในแนวดนตรี Blue ในแนวทางของ Psychedelic ได้แก่ Black Sabbath, Deep Purple, Judas Priest และ UFO ก่อนที่วงเหล่าน้จะแตกแขนงแนวไปเป็นแนวอื่น.
- เพลงแนว Psychedelic ยังเป็นจุดกำเนิดของแนว glam rock, โดย Marc Bolan จากวง T-Rex ที่เปลี่ยนแนวดนตรีจาก psychedelic folk ที่เล่นอยู่ก่อนหน้านั้นเป็นแนว glam rock และพวกเขาก็ได้เป็นดาวประดับวงการเพลงในแนว glam rock ในปี 1970 ไปในที่สุด.
- ขณะปี 1970 นี่เอง ก็ยังมีการหักเหแนวเพลงอย่างมากมายดังตัวอย่าง psychedelic soul ได้ถูกผสมผสานเข้ากับแนวเพลงอย่าง funk และ disco ในที่นุด.
Neo-psychedelia
- Psychedelic rock เริ่มกลับมาพื้นตัวอีกครั้งในปี 1970 โดยวง post-punk อย่าง Teardrop Explodes, Echo and the Bunnymen, The Church และ the Soft Boys- ในสหรัฐอเมริกาในต้นทศวรรษ 1980 ที่ Los Angeles วง Dream Syndicate, The Bangles และ Rain Paradeได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเคลื่อนไหวแนวอย่าง Paisley Underground(แนวเพลงทดลอง).
- ผลงานการทำงานในแนวเพลง neo-psychedelia ของ Prince ช่วงกลางปี 1980 และ ผลงานบางส่วนของ Lenny Kravitz ในปี 1990 ที่สามารถต่อยอดและเป็นอิทธิพลต่อวงดนตรีที่เล่นแนวเพลงอย่าง alternative และ indie-rock.
- ในปี 1990 ค่ายอย่าง The Elephant 6 Recording Company ได้ผลิตวงดนตรีหน้าใหม่ที่เล่นแนว eclectic psychedelic rock และ folk ออกมา เช่น The Apples in Stereo, The Olivia Tremor Control, Neutral Milk Hotel, Elf Power และ Of Montreal.
- The Church และ Bevis Frond วงจากประเทศ Australian ที่เล่นแนว alternative rock ก็ได้รับอิทธิพลจาก Psychedelic เช่นกัน.
- space rock(แนวทดลอง ต้นฉบับมาจาก Rock) แนวนี้มีวงอย่าง Spacemen 3, MercuryRev, the Flaming Lips และ Super Furry Animals ไดทดลองเล่นก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นแนวอื่นๆภายหลัง.
- ปี 1990 แนวเพลง stoner rock ได้ก่อกำเนิดขึ้นโดยมีองค์ประกอบมาจาก psychedelic rock, blues-rock และ doom metal. โดยปกติจะเล่นในจังหวะช้าไล่ไปกลางและมีเสียงกีตาร์โทนต่ำ เสียงเบสเล่นหนัก ส่วนเสียงร้องจะร้องแบบไพเราะ มีวงบุกเบิกที่มาจากแถบ Californian โดย Kyuss และ Sleep.
- The Stone Roses วงจาก เมืองแมนเชสเตอร์ เปิดตัวด้วยการเล่นแนว alternative rock ซึ่งแตกมาจาก neo-psychedelic และถูกเรียกกันในแนว Madchester และมีอิทธิพลต่อวงดนตรีแนว Britpop อย่าง Blur และ Oasis ส่วนอัลบั้ม Standing on the Shoulder of Giants ของ Oasis นั้นเล่นในแนวเพลง alternative rock และ neo-psychedelic อย่างชัดเจน.
Psychedelic electronic music
- จากปี 1980 psychedelic ได้ฟื้นตัวอีกครั้งในรูปแบบของแนวดนตรี electronic, การเชื่อมต่อแนวเพลงนี้เป็นการก่อกำเนิดแนวเพลงอย่าง rave, และเป็นจุกแตกแขนงแนวดนตรีไปอย่างมากมายเช่น acid house, breakbeat hardcore, trance, hardstyle, UK garage, hardcore techno, new rave.ส่วนแนว /acid house /trance /new rave ผมขอไม่แปลแล้วกันเพราะที่แปลมา Psychedelic ก็แตกแขนงมาไกลพอแล้ว
ขอจบเพียงเท่านี้ครับ
วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ประวัติแนว Black metal
- แนวแบล็คเมทัล ต่อยอดมาจากแนว Speed metal, thrash metal, hardcore punk.
- ต้นกำเนิดวัฒนธรรมนั้นว่ากันว่ามาจาก ยุโรป ตอนกลางปี 1980 และ ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ก่อนปี 1990.
- เครื่องมือทั่วไปที่ใช้เล่นก็มีแบบแสตนดาร์ทเลยคือ
1 ร้องนำ
2 กีตาร์
3 เบสส์
4 กลอง
- ความนิยมที่เป็นที่นิยมกันมากจะอยู่แถบประเทศอย่าง Norway, Sweden และ Finland.
- การร้องแบบ black metal นั้นจะร้องในรูปแบบของ high-pitched shrieks screams และ snarls. แตกต่างจากการร้องแบบแนว death metal โดยสิ้นเชิง.
- เนื้อร้องมักจะกว่าวถึงการต่อต้านศาสนาคริสต์หรือรวมไปถึงศาสนาอื่นๆด้วย.
- นักเขียนเพลงแนวนี้มักจะมีอุดมการณ์ในเชิงลบต่อศาสนา เช่น เขียนเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ชวนเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีพระเจ้า เขียนเกี่ยวกับการบูชาซาตาน เป็นต้น.
- แต่เมื่อเวลาผ่านเลยก้าวเข้าสู่ยุคปัจจุบัน การเขียนเพลงก็เริ่มแปลเปลี่ยนไป เริ่มมีการเขียนถึงธรรมชาติ, ตำนานต่างๆ, นิทานพื้นบ้าน, ปรัชญา และ จินตนาการ.
- การผลิตผลงานออกจำหน่ายนั้นช่วงแรกๆมักจะเป็นการผลิตแบบต้นทุนต่ำ ด้วยงบประมาณที่จำกัดการบันทึกเสียงส่วนใหญ่จะบันทึกที่บ้านของวงเองหนือห้องใต้ดินของบ้าน, ดังตัวอย่างเด่นๆเลยคือ วง Mayhem ในชุดแรกที่ออกกับค่าย Deathlike Silence โดยมีการบันทึกเสียงกันที่ชั้นใต้ดินของร้านค้าที่ชื่อ Helvete. อย่างไรก็ตามพวกเขาก็มีการพัฒนายกระดับคุณภาพการบันทึกเสียงให้ดีขึ้นในอนาคต แต่ศิลปินส่วนหนึ่งก็ยังคงซึ่งการยึดการบันทึกเสียงแบบเดิมไว้เพื่อคงไว้ซึ่งจุดยืนของตนตั้งแต่แรกเริ่ม. เหตุผลที่ยังคงรักษาการบันทึกเสียงให้มีความดิบไว้ก็คือ เพื่อให้รู้ว่ารากเหง้าของพวกเขาเป็นเช่นไร. หนึ่งในตัวอย่างอัลบั้มที่รู้จักกันดีที่มีชื่อว่า Transilvanian Hunger ของ Darkthrone วงดนตรีที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นต้นฉบับของแนวเพลง Black metal กับการบันทึกเสียง เรียกง่ายๆว่า วงทำเองทั้งหมด อย่างที่ Johnathan Selzer จากนิตยสาร Terrorizer พูดไว้ว่า "represent the DIY aspect of blackmetal"
- คนส่วนใหญ่พูดว่า แนวเพลง Black metal ไม่สามารถดึงดูดแฟนเพลงกลุ่มใหญ่ได้. Gaahl (Kristian Eivind Espedal) นักร้องแนว Black metal ที่อยู่มาหลายวง อาทิ เช่น Trelldom, Gorgoroth, Sigfader, Gaahlskagg, Secht, Wardruna, Skitliv กล่าวไว้ว่า "Black metal ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าถึงกลุ่มคนกลุ่มใหญ่อยู่แล้วมันเป็นความพึงพอใจของตัวเราเอง".
-ภาพพจน์และผลงานจะแตกต่างจากศิลปินประเภทอื่น ๆ, ศิลปินแนวนี้หลายวงจะมีอุปกรณ์ต่างๆในการใช้ประกอบโชว์บนเวที, อย่างเช่นวง Mayhem และ Gorgoroth มักจะมีหัวสัตว์ / อาวุธสงครามยุคกลาง / หรือชโรมเลือดบนตัว แสดงบนเวที.
- ศิลปินมักจะปรากฏกายมาในชุดสีดำกับรองเท้าคอมแบท, เข็มขัดกระสุน, ริชแบนด์ที่เป็นหนาม และอุปกรณ์ที่สื่อให้เห็นว่าเป็นการต่อต้านชาวคริสเตียนหรือศาสนาของวงนั้นๆ
- ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดก็คือ การแต่งหน้าตาให้เหมือนศพ โดยการใช้สีขาวและดำทา (บางครั้งก็เลือดจริงหรือเลือดปลอมทา)
- ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 วงบุกเบิกส่วนใหญ่ จะทำหน้าปกอัลบั้มเป็นสีขาว - ดำ แบบเรียบง่าย ซึ่งแตกต่างจากวงแนว death metal ที่เริ่มหันมาทำปกอัลบั้มที่เป็นสี.
- วงใต้ดินส่วนใหญ่มักจะทำปกเป็นสีขาว - ดำ อย่างต่อเนื่องไมีมีการเปลี่ยน
- วงดนตรีอย่าง Burzum, Filosofem และ Emperor มักจะทำปกเป็นปกสีที่เป็นรูปบรรยากาศต่างๆ, รูปชวนยั่วยุ, ทิวทัศน์ธรรมชาติ หรือจินตนาการต่างๆ แต่บางวงเช่น Marduk, Fuck Me Jesus หรือ Dimmu Borgir เอง มักจะทำรูปแบบปกที่มีรูปในเชิงการต่อต้านการบูชารูปปั้นหรือเครื่องรางของสิ่งศักด์สิทธิ์ต่างๆ เช่น ไม้กางเขนคว่ำ.
- คลื่นลูกแรกของวงการ Black metal ซึ่งหมายถึงกลุ่มวงดนตรีในช่วงทศวรรษ 1980 ที่ได้ก่อตัวขึ้นเป็นต้นแบบของแนวเพลง Black metal พวกเขามักจะเล่นแนวอื่นมาก่อนอย่าง speed metal หรือ thras hmetal.
- ตัวอย่างเช่นวง Venom กับ ชุดแรกที่เล่นแนว Speed metal, first-wave of black metal, early thrash metal พอมาชุดที่ 2 ในชื่อชุด Black Metal ก็เพิ่มความเป็นแบล็คเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิม.
- แม้ว่าจะมีการเล่น thras hmetal มากกว่า Black metal ตามมาตรฐานสมัยใหม่ แต่เนื้อเพลงและภาพพจน์กลับเน้นในการต่อต้านคริสต์และบูชาซาตานมากกว่าเดิม.
- สมาชิกในวง Venom มีการใช้นามแฝงแทนชื่อจริง เช่น Conrad Thomas Lant แต่พวกเราจะรู้จักเขาในนาม Cronos, ซึ่งเป็นที่แพร่หลายมากในหมู่นักดนตรี black metal.
- อีกหนึ่งวงดนตรีที่มีอิทธิพลสำคัญต่อ black metal คือ Bathory วงจาก สวีเดน ที่นำโดย Thomas Forsberg บุคคลนี้ก็มีการใช้นามแฝงเช่นกัน ในวงการเขาใช้ชื่อว่า Quorthon.
- Bathory เป็นวงที่เล่นแนว First-wave black metal ใน 4 ชุดแรกของพวกเขาได้แก่
1. Bathory (1984)
2. The Return of Darkness and Evil (1985)
3. Under the Sign of the Black Mark (1987)
4. Blood Fire Death (1988)
และปี 1990 ในชุดที่ 5 ของพวกเขา วง Bathory คือผู้บุกเบิกสไตล์เพลงที่เรียกว่า Viking metal (ไวกิ้ง เมทัล) และกลายเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา.
- ศิลปินอื่นๆที่ถือว่าเป็นวงขับเคลื่อนแนวเพลงแบล็คเมทัล อาทิเช่น
Hellhammer และ Celtic Frost จากประเทศ Switzerland
Sodom และ Destruction จากประเทศ Germany
Bulldozer และ Death SS จากประเทศ Italy
Tormentor จากประเทศ Hungary
Root จากประเทศ Czech Republic
Mercyful Fate จากประเทศ Denmark
Sarcofago จากประเทศ Brazil
Blasphemy จากประเทศ Canada
- คลื่นลูกที่สองเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1990 โดยเฉพาะ Norwegian black metal จะเป็นกลุ่มที่เด่นมากในช่วงนี้, ใช่วงปี 1990-1994 จำนวนของศิลปินนอร์เวย์ได้เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นเลือดใหม่แห่งวงการเพลง black metal ได้แก่ Mayhem, Thorns, Burzum, Darkthrone, Immortal, Satyricon, Enslaved, Emperor, Dimmu Borgir, Gorgoroth, Ulver และ Carpathian Forest
พวกเขาพัฒนารูปแบบการเล่นของวงจากยุค 1980 ให้มีความแตกต่างและแยกแนวอย่างชัดเจนโดยการยกเว้นการเล่นแนว thrash metal.
- สมาชิกบางคนของวงดนตรีที่นอร์เวย์ได้ถูกดำเนินคดี เกี่ยวกับการก่ออ่๙ญากรรมและการทะเลาะวิวาทรวมทั้งเผาคริสตจักร ภาพพจน์การต่อต้านคริสเตียนอย่างรุนแรงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์วงดนตรีที่เล่นแนว Black metal ไปโดยปริยาย.
- ในช่วงต้นปี 1990 แผ่นดินใหญ่ในยุโรปได้มีการเกิดวงใหม่ๆขึ้นโดยมีแรงบันดาลใจมาจากชาวนอร์เวย์.
- ในประเทศโปแลนด์ก็มีวงอย่าง Graveland และ Behemoth เป็นวงเด่น
- ในประเทศฝรั่งเศษก็จะมีวงอย่าง Les L?gions Noires, M?tiilation, Vlad Tepes, Belketre และ Torgeist เป็นวงเด่น
- วงดนตรีเช่น Von, Judas Iscariot, Demoncy และ Profanatica ก็ได้เกิดขึ้นในช่วงปี 1990 ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ซึ่งในขณะนั้นแนวอย่าง thrash metal และ death metal กำลังได้รับความนิยมในหมู่แฟนเพลงเมทัลเช่นกัน.
- โดยกลางปี 1990 รูปแบบการเล่นจากประเทศนอร์เวย์ได้ถูกนำไปใช้ในวงกว้างทั่วโลก
- วง black metal รุ่นใหม่ได้เริ่มการเพิ่มคุณภาพการผลิตของตัวเองโดยมีการนำเครื่องมือเพิ่มเติมมาใช้เช่น การสังเคราะห์เสียง(synthesizers)และแม้แต่ออเครสต้า ซิมโฟนีเต็มรูปแบบ(full-symphony orchestras).
- หลายๆคนบอกว่าการแพร่กระจายของแนวดนตรีนี้สิ้นสุดลงที่กลุ่มดนตรีรุ่นที่ 2 นี้.
- นักดนตรีและแฟน ๆ ของ Norwegian black metal ได้ทำการลอบวางเพลิงมากกว่า 50 ครั้งตามโบสถ์คริสต์ต่างๆในนอร์เวย์ ปี 1992-1996 ที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ที่มีอายุหลายร้อยปี
- หนึ่งในสถานที่สำคัญที่ถูกวางเพลิงคือ Fantoft stave church ซึ่งตำรวจเชื่อว่าถูกเผาโดยฝีมือ Varg Vikernes จากวง Burzum เพียงคนเดียว
- ปก EP ของวง Burzum คือภาพที่ Fantoft stave church ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน จึงทำให้นักดนตรีอย่าง Samoth, Faust และ J?rn Inge Tunsberg ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในข้อหาลอบวางเพลิงคริสตจักร.
- แนวดนตรีที่ไกล้เคียงโดยการแตกแขนงออกไป
Symphonic black metal คือรูปแบบของ black metal ที่ใช้องค์ประกอบของ symphonic และ orchestral elements. ซึ่งอาจรวมไปถึงการใช้งานของเครื่องดนตรีที่ใช้ในวง symphony orchestras อย่างเช่น เปียโน, ไวโอลิน, เชลโล่ขลุ่ยและคีย์บอร์ด, นักร้องจะร้องแนว'clean' การเล่นกีต้าร์จะมีความเพี้ยนน้อย.
Viking metal เป็นคำที่ใช้เพื่ออธิบายวง black metal ที่เอาเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาเล่น. วง Viking black metal จะเน้นการเล่นโดยมีดนตรีพื้นบ้านผสมและมักเกี่ยวกับตำนานนอร์ดิก การร้องเป็นการร้องที่ผสม high-pitched shrieks และ clean แบบร้องประสาน. ต้นกำเนิดมาจากอัลบั้ม Blood Fire Death ปี1988 และ Hammerheart ปี 1990 ของวงจากสวีเดนนามว่า Bathory. ในปี 1990 วงดนตรีสัญชาติ Irish อย่าง Cruachan และ Primordial ก็นำเอาแนวเพลง black metal มาผสมกับดนตรีพื้นบ้านของตนจึงกลายเป็นแนว Celtic Metal (Celtic คือชื่อเมืองในประเทศไอร์แลนด์).
Gothic black metal คือการผสมผสานระหว่างแนว gothic metal และ black metal.
Blackened death metal คือการผสมผสานระหว่างแนว death metal และ black metal
- ส่วนวงที่เล่นแนว Black metal นั้นเข้าชมรายชื่อได้ที่
- ต้นกำเนิดวัฒนธรรมนั้นว่ากันว่ามาจาก ยุโรป ตอนกลางปี 1980 และ ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ก่อนปี 1990.
- เครื่องมือทั่วไปที่ใช้เล่นก็มีแบบแสตนดาร์ทเลยคือ
1 ร้องนำ
2 กีตาร์
3 เบสส์
4 กลอง
- ความนิยมที่เป็นที่นิยมกันมากจะอยู่แถบประเทศอย่าง Norway, Sweden และ Finland.
- การร้องแบบ black metal นั้นจะร้องในรูปแบบของ high-pitched shrieks screams และ snarls. แตกต่างจากการร้องแบบแนว death metal โดยสิ้นเชิง.
- เนื้อร้องมักจะกว่าวถึงการต่อต้านศาสนาคริสต์หรือรวมไปถึงศาสนาอื่นๆด้วย.
- นักเขียนเพลงแนวนี้มักจะมีอุดมการณ์ในเชิงลบต่อศาสนา เช่น เขียนเกี่ยวกับการส่งเสริมให้ชวนเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีพระเจ้า เขียนเกี่ยวกับการบูชาซาตาน เป็นต้น.
- แต่เมื่อเวลาผ่านเลยก้าวเข้าสู่ยุคปัจจุบัน การเขียนเพลงก็เริ่มแปลเปลี่ยนไป เริ่มมีการเขียนถึงธรรมชาติ, ตำนานต่างๆ, นิทานพื้นบ้าน, ปรัชญา และ จินตนาการ.
- การผลิตผลงานออกจำหน่ายนั้นช่วงแรกๆมักจะเป็นการผลิตแบบต้นทุนต่ำ ด้วยงบประมาณที่จำกัดการบันทึกเสียงส่วนใหญ่จะบันทึกที่บ้านของวงเองหนือห้องใต้ดินของบ้าน, ดังตัวอย่างเด่นๆเลยคือ วง Mayhem ในชุดแรกที่ออกกับค่าย Deathlike Silence โดยมีการบันทึกเสียงกันที่ชั้นใต้ดินของร้านค้าที่ชื่อ Helvete. อย่างไรก็ตามพวกเขาก็มีการพัฒนายกระดับคุณภาพการบันทึกเสียงให้ดีขึ้นในอนาคต แต่ศิลปินส่วนหนึ่งก็ยังคงซึ่งการยึดการบันทึกเสียงแบบเดิมไว้เพื่อคงไว้ซึ่งจุดยืนของตนตั้งแต่แรกเริ่ม. เหตุผลที่ยังคงรักษาการบันทึกเสียงให้มีความดิบไว้ก็คือ เพื่อให้รู้ว่ารากเหง้าของพวกเขาเป็นเช่นไร. หนึ่งในตัวอย่างอัลบั้มที่รู้จักกันดีที่มีชื่อว่า Transilvanian Hunger ของ Darkthrone วงดนตรีที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นต้นฉบับของแนวเพลง Black metal กับการบันทึกเสียง เรียกง่ายๆว่า วงทำเองทั้งหมด อย่างที่ Johnathan Selzer จากนิตยสาร Terrorizer พูดไว้ว่า "represent the DIY aspect of blackmetal"
- คนส่วนใหญ่พูดว่า แนวเพลง Black metal ไม่สามารถดึงดูดแฟนเพลงกลุ่มใหญ่ได้. Gaahl (Kristian Eivind Espedal) นักร้องแนว Black metal ที่อยู่มาหลายวง อาทิ เช่น Trelldom, Gorgoroth, Sigfader, Gaahlskagg, Secht, Wardruna, Skitliv กล่าวไว้ว่า "Black metal ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าถึงกลุ่มคนกลุ่มใหญ่อยู่แล้วมันเป็นความพึงพอใจของตัวเราเอง".
-ภาพพจน์และผลงานจะแตกต่างจากศิลปินประเภทอื่น ๆ, ศิลปินแนวนี้หลายวงจะมีอุปกรณ์ต่างๆในการใช้ประกอบโชว์บนเวที, อย่างเช่นวง Mayhem และ Gorgoroth มักจะมีหัวสัตว์ / อาวุธสงครามยุคกลาง / หรือชโรมเลือดบนตัว แสดงบนเวที.
- ศิลปินมักจะปรากฏกายมาในชุดสีดำกับรองเท้าคอมแบท, เข็มขัดกระสุน, ริชแบนด์ที่เป็นหนาม และอุปกรณ์ที่สื่อให้เห็นว่าเป็นการต่อต้านชาวคริสเตียนหรือศาสนาของวงนั้นๆ
- ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดก็คือ การแต่งหน้าตาให้เหมือนศพ โดยการใช้สีขาวและดำทา (บางครั้งก็เลือดจริงหรือเลือดปลอมทา)
- ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 วงบุกเบิกส่วนใหญ่ จะทำหน้าปกอัลบั้มเป็นสีขาว - ดำ แบบเรียบง่าย ซึ่งแตกต่างจากวงแนว death metal ที่เริ่มหันมาทำปกอัลบั้มที่เป็นสี.
- วงใต้ดินส่วนใหญ่มักจะทำปกเป็นสีขาว - ดำ อย่างต่อเนื่องไมีมีการเปลี่ยน
- วงดนตรีอย่าง Burzum, Filosofem และ Emperor มักจะทำปกเป็นปกสีที่เป็นรูปบรรยากาศต่างๆ, รูปชวนยั่วยุ, ทิวทัศน์ธรรมชาติ หรือจินตนาการต่างๆ แต่บางวงเช่น Marduk, Fuck Me Jesus หรือ Dimmu Borgir เอง มักจะทำรูปแบบปกที่มีรูปในเชิงการต่อต้านการบูชารูปปั้นหรือเครื่องรางของสิ่งศักด์สิทธิ์ต่างๆ เช่น ไม้กางเขนคว่ำ.
- คลื่นลูกแรกของวงการ Black metal ซึ่งหมายถึงกลุ่มวงดนตรีในช่วงทศวรรษ 1980 ที่ได้ก่อตัวขึ้นเป็นต้นแบบของแนวเพลง Black metal พวกเขามักจะเล่นแนวอื่นมาก่อนอย่าง speed metal หรือ thras hmetal.
- ตัวอย่างเช่นวง Venom กับ ชุดแรกที่เล่นแนว Speed metal, first-wave of black metal, early thrash metal พอมาชุดที่ 2 ในชื่อชุด Black Metal ก็เพิ่มความเป็นแบล็คเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิม.
- แม้ว่าจะมีการเล่น thras hmetal มากกว่า Black metal ตามมาตรฐานสมัยใหม่ แต่เนื้อเพลงและภาพพจน์กลับเน้นในการต่อต้านคริสต์และบูชาซาตานมากกว่าเดิม.
- สมาชิกในวง Venom มีการใช้นามแฝงแทนชื่อจริง เช่น Conrad Thomas Lant แต่พวกเราจะรู้จักเขาในนาม Cronos, ซึ่งเป็นที่แพร่หลายมากในหมู่นักดนตรี black metal.
- อีกหนึ่งวงดนตรีที่มีอิทธิพลสำคัญต่อ black metal คือ Bathory วงจาก สวีเดน ที่นำโดย Thomas Forsberg บุคคลนี้ก็มีการใช้นามแฝงเช่นกัน ในวงการเขาใช้ชื่อว่า Quorthon.
- Bathory เป็นวงที่เล่นแนว First-wave black metal ใน 4 ชุดแรกของพวกเขาได้แก่
1. Bathory (1984)
2. The Return of Darkness and Evil (1985)
3. Under the Sign of the Black Mark (1987)
4. Blood Fire Death (1988)
และปี 1990 ในชุดที่ 5 ของพวกเขา วง Bathory คือผู้บุกเบิกสไตล์เพลงที่เรียกว่า Viking metal (ไวกิ้ง เมทัล) และกลายเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา.
- ศิลปินอื่นๆที่ถือว่าเป็นวงขับเคลื่อนแนวเพลงแบล็คเมทัล อาทิเช่น
Hellhammer และ Celtic Frost จากประเทศ Switzerland
Sodom และ Destruction จากประเทศ Germany
Bulldozer และ Death SS จากประเทศ Italy
Tormentor จากประเทศ Hungary
Root จากประเทศ Czech Republic
Mercyful Fate จากประเทศ Denmark
Sarcofago จากประเทศ Brazil
Blasphemy จากประเทศ Canada
- คลื่นลูกที่สองเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1990 โดยเฉพาะ Norwegian black metal จะเป็นกลุ่มที่เด่นมากในช่วงนี้, ใช่วงปี 1990-1994 จำนวนของศิลปินนอร์เวย์ได้เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นเลือดใหม่แห่งวงการเพลง black metal ได้แก่ Mayhem, Thorns, Burzum, Darkthrone, Immortal, Satyricon, Enslaved, Emperor, Dimmu Borgir, Gorgoroth, Ulver และ Carpathian Forest
พวกเขาพัฒนารูปแบบการเล่นของวงจากยุค 1980 ให้มีความแตกต่างและแยกแนวอย่างชัดเจนโดยการยกเว้นการเล่นแนว thrash metal.
- สมาชิกบางคนของวงดนตรีที่นอร์เวย์ได้ถูกดำเนินคดี เกี่ยวกับการก่ออ่๙ญากรรมและการทะเลาะวิวาทรวมทั้งเผาคริสตจักร ภาพพจน์การต่อต้านคริสเตียนอย่างรุนแรงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์วงดนตรีที่เล่นแนว Black metal ไปโดยปริยาย.
- ในช่วงต้นปี 1990 แผ่นดินใหญ่ในยุโรปได้มีการเกิดวงใหม่ๆขึ้นโดยมีแรงบันดาลใจมาจากชาวนอร์เวย์.
- ในประเทศโปแลนด์ก็มีวงอย่าง Graveland และ Behemoth เป็นวงเด่น
- ในประเทศฝรั่งเศษก็จะมีวงอย่าง Les L?gions Noires, M?tiilation, Vlad Tepes, Belketre และ Torgeist เป็นวงเด่น
- วงดนตรีเช่น Von, Judas Iscariot, Demoncy และ Profanatica ก็ได้เกิดขึ้นในช่วงปี 1990 ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ซึ่งในขณะนั้นแนวอย่าง thrash metal และ death metal กำลังได้รับความนิยมในหมู่แฟนเพลงเมทัลเช่นกัน.
- โดยกลางปี 1990 รูปแบบการเล่นจากประเทศนอร์เวย์ได้ถูกนำไปใช้ในวงกว้างทั่วโลก
- วง black metal รุ่นใหม่ได้เริ่มการเพิ่มคุณภาพการผลิตของตัวเองโดยมีการนำเครื่องมือเพิ่มเติมมาใช้เช่น การสังเคราะห์เสียง(synthesizers)และแม้แต่ออเครสต้า ซิมโฟนีเต็มรูปแบบ(full-symphony orchestras).
- หลายๆคนบอกว่าการแพร่กระจายของแนวดนตรีนี้สิ้นสุดลงที่กลุ่มดนตรีรุ่นที่ 2 นี้.
- นักดนตรีและแฟน ๆ ของ Norwegian black metal ได้ทำการลอบวางเพลิงมากกว่า 50 ครั้งตามโบสถ์คริสต์ต่างๆในนอร์เวย์ ปี 1992-1996 ที่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ที่มีอายุหลายร้อยปี
- หนึ่งในสถานที่สำคัญที่ถูกวางเพลิงคือ Fantoft stave church ซึ่งตำรวจเชื่อว่าถูกเผาโดยฝีมือ Varg Vikernes จากวง Burzum เพียงคนเดียว
- ปก EP ของวง Burzum คือภาพที่ Fantoft stave church ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน จึงทำให้นักดนตรีอย่าง Samoth, Faust และ J?rn Inge Tunsberg ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในข้อหาลอบวางเพลิงคริสตจักร.
- แนวดนตรีที่ไกล้เคียงโดยการแตกแขนงออกไป
Symphonic black metal คือรูปแบบของ black metal ที่ใช้องค์ประกอบของ symphonic และ orchestral elements. ซึ่งอาจรวมไปถึงการใช้งานของเครื่องดนตรีที่ใช้ในวง symphony orchestras อย่างเช่น เปียโน, ไวโอลิน, เชลโล่ขลุ่ยและคีย์บอร์ด, นักร้องจะร้องแนว'clean' การเล่นกีต้าร์จะมีความเพี้ยนน้อย.
Viking metal เป็นคำที่ใช้เพื่ออธิบายวง black metal ที่เอาเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาเล่น. วง Viking black metal จะเน้นการเล่นโดยมีดนตรีพื้นบ้านผสมและมักเกี่ยวกับตำนานนอร์ดิก การร้องเป็นการร้องที่ผสม high-pitched shrieks และ clean แบบร้องประสาน. ต้นกำเนิดมาจากอัลบั้ม Blood Fire Death ปี1988 และ Hammerheart ปี 1990 ของวงจากสวีเดนนามว่า Bathory. ในปี 1990 วงดนตรีสัญชาติ Irish อย่าง Cruachan และ Primordial ก็นำเอาแนวเพลง black metal มาผสมกับดนตรีพื้นบ้านของตนจึงกลายเป็นแนว Celtic Metal (Celtic คือชื่อเมืองในประเทศไอร์แลนด์).
Gothic black metal คือการผสมผสานระหว่างแนว gothic metal และ black metal.
Blackened death metal คือการผสมผสานระหว่างแนว death metal และ black metal
- ส่วนวงที่เล่นแนว Black metal นั้นเข้าชมรายชื่อได้ที่
และ
วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ของสะสม
STUDENTS-UGLY ชุด กระแดะ
-ชุดที่ชื่อว่า กระแดะ นี้ที่พูดถึงความกระแดะของคน ๆๆๆๆ และ คน อย่างตรงไปตรงมา-ชุดนี้มีเพลงเดียว ในความยาว 34.18 นาที
-มาในแนวเพลง พังค์ แต่เป็น พังค์ ที่แตกต่างจากชุดก่อนๆ ลดความรุนแรงลง เหมืองจะสื่อให้เห็นถึงความรู้สึก เศร้า เหงา ทุกข์ สุข ห่วง เบื่อ ต่างๆนาๆ ของผู้แต่ง
-เริ่มต้นด้วยเสียงโทรศัพท์ และ จบด้วย การกล่าวลาด้วยคำอวยพร ถือว่าเป็นชุดที่เล่าเรื่องราวได้ลงตัวดี แตกต่างจากชุดก่อนๆ เป็นงานสร้างสรรค์ที่เหมาะกับพวกสร้างความวุ่นวายโดยแท้
-แบ่งเนื้อหาเป็นพาร์ท 10 พาร์ท ไล่ตั้งแต่
PART 1 introduction ที่นี่สถาณีสยาม
PART 2 ที่นี่สถาณีเมืองทอง (เมืองไทย)
PART 3 ที่นี่สถาณีเมืองไมตรี
PART 4 ที่นี่สถาณีท่าพระ
PART 5 ที่นี่สถาณีหลวงวิจิตร วาทะการ
PART 6 ที่นี่สถาณีบางนา (นานาจิตตัง)
PART 7 ที่นี่สถาณีมะลิกัน มะลิกา
PART 8 ที่นี่สถาณีบางปรัชญา
PART 9 ที่นี่สถาณีแห่งความหวัง
PART 10 ที่นี่สถาณีโชคดี (คนไทย)
-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~
DEZEMBER ชุด SPIRITUAL LEADER
-Studio ชุดนี้พูดถึงด้านการเมือง แต่ปิดท้ายด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับสังคมออนไลน์ ภาคดนตรีหนักหน่วงชัดเจนเช่นเดิม
-มาในแนวเพลงเมทัล แต่แขนงไหนแยกแยะกันเองนะ
-ชุดนี้มี KARAOKE แยกแผ่นจำหน่ายด้วย
-หลังจาก Dezember ออกชุดนี้ไม่นาน มาเห็นอีกที พี่ต้น มือกีตาร์ ก็ตัดผมตัวเองซะแล้ว(เห็นแล้วเสียดายแทน)
-ชุดนี้มีทั้งหมด 8 เพลง ได้แก่
1 กลางคืนเป็นควัน...กลางวันเป็นไฟ When Day Become Night
2 คลั่งชาติ Born Nationalist
3 องคุลีมาล Anggulimala
4 ความชอบธรรมหรือความชอบทำ Justify To Satisfy
5 ทรราช Harbinger Of Doom
6 ไม่เป็นกลาง...แต่เป็นธรรม Not Caught In The Middle
7 เช่นนั้นเอง What Comes Will Go
8 Cyber Cockkkkkk!!!
-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~-~
ประวัติวง Red Hot Chili Peppers
-Red Hot Chili Peppers เป็นวงร็อกอเมริกัน ก่อตั้งวงในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1983
-แนวเพลงของวงมีความหลากหลาย ที่เกิดจากการรวมของเพลงร็อกดั้งเดิมและฟังก์ เข้ากับองค์ประกอบของ เฮฟวีเมทัล, พังก์ร็อก และ ไซเคเดลิกร็อก
-นอกจากทั้งแอนโทนี คีดิสและฟลี สมาชิกดั้งเดิมประกอบด้วยมือกีตาร์ ฮิลเลล สโลวัก และมือกลอง แจ็ก ไอออนส์ ซึ่งสโลวักเสียชีวิตจากการเสพเฮโรอีนเกินขนาดในปี 1988 และเป็นผลให้ไอออนส์ลาออกจากวง โดยมีอดีตมือกลองวง เดด เคนเนดีส์ ที่ชื่อ ดี. เอช. เพไลโกรเข้ามาแทนก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น สมิธ จนปัจจุบัน ขณะที่สโลวักแทนที่โดน ฟรัสซิแอนเต จากสมาชิกข้างต้นมีผลงานในชุดที่ 4 และ 5 คือ Mother's Milk (1989) และ Blood Sugar Sex Magik (1991)
-Blood Sugar Sex Magik ถือเป็นผลงานชุดโบว์แดงของวง ทำให้พวกเขาก้าวสู่กระแสนิยมกับยอดขาย 13 ล้านชุด ฟรัสซิแอนเตรู้สึกไม่ชอบใจกับความสำเร็จนี้จึงออกจากวงในระหว่างทัวร์อัลบั้มนี้ในปี 1992 ซึ่งเขาก็ยังติดเฮโรอีน คีดิส, ฟลี, และสมิธ จ้าง เดฟ นาวาร์โร จากวง เจนส์แอดดิกชัน มาทำงานในอัลบั้มชุดต่อมาที่ชื่อ One Hot Minute (1995) ความนิยมในอัลบั้มนี้ลดลงไปกว่า Blood Sugar Sex Magik ทั้งทางด้านเสียงวิจารณ์และยอดขายที่ขายน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของอัลบั้มก่อน และนาวาร์โรออกจากวงเนื่องจากความคิดที่แตกต่างกัน
-ฟรัสซิแอนเต กลับมาหลังจากบำบัดยา เข้าร่วมวงใหม่อีกครั้งในปี 1998 โดยคำเรียกร้องของฟลี พวกเขาทั้ง 4 กลับมาทำอัลบั้มชุด Californication (1999) ที่มียอดขาย 15 ล้านชุดทั่วโลก ขณะที่เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจนปัจจุบัน หลังจากนั้น 3 ปีพวกเขาออกอัลบั้มชุด By the Way (2002) ซึ่งก็ยังคงประสบความสำเร็จ ต่อมาในปี 2006 พวกเขาออกอัลบั้มคู่ชุด Stadium Arcadium ซึ่งก็ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลแกรมมี่ 7 รางวัล มียอดขาย 50 ล้านชุดทั่วโลก มี 7 ซิงเกิ้ลที่ติดใน 40 อันดับแรกของบิลบอร์ดฮ็อต 100 (รวมถึงมี 3 ซิงเกิ้ลติดใน 10 อันดับแรก) ยังมีเพลง 5 ซิงเกิ้ลขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทเมนสตรีมร็อก และ มี 11 ซิงเกิ้ลติดอันดับชาร์ทโมเดิร์นร็อก
(คัดลอกมาจาก WIKIPEDIA ฉบับภาษาไทย)
มือกีตาร์ - แจ๊ค เชอร์แมน (Jack Sherman)
มือเบส ร้องประสาน- ไมเคิล "ฟลี" บัลซารี (Michael Peter Balzary)
มือกลอง - คลิฟฟ์ มาติเนซ (Cliff Martinez)
มือเบส ทรัมเป็ต เปียโน ร้องประสาน - Flea
กลอง เครื่องเคาะ - Chad Smith
กีตาร์ คีย์บอร์ด เปียโน ร้องประสาน - Josh Klinghoffer
-อดีตสมาชิกJohn Frusciante
Hillel Slovak (เสียชีวิต)
Dave Navarro
Jesse Tobias
Arik Marshall
D.H. Peligro
DeWayne McKnight
Jack Irons
Cliff Martinez
Jack Sherman
- กำเนิดวงที่ Los Angeles, California, United States ปี 1983
- แนวเพลง Funk rock, alternative rock, punk rock
มีอัลบั้มมาแล้วทั้งหมด 9 ชุด ได้แก่
1.The Red Hot Chili Peppers
ออกเมื่อปี 1984
ในแนวเพลง Funk rock, rap rock
กับค่าย EMI, Capitol
*remaster ใหม่ในปี 2003 เพิ่มเพลงอีก 5 เพลงจากต้นฉบับ 11 เพลง*
Flea – เบสส์, ร้องสนับสนุน
Jack Sherman – กีตาร์
Cliff Martinez – กลอง
Cliff Brooks - กลอง timbales, กลอง congas
Gwen Dickey - ร้องสนับสนุน
Patrick English - ทรัมเป็ต
Kenny Flood - เทนเนอร์ แซกโซโฟน
Phil Ranelin - ทรอมโบน
Dave Jerden – engineer
Carolyn Collins – assistant engineer
Rob Stevens – mixing
Barry Conley - mixing assistant
Greg Fulginiti - mastering
Edward Colver - photography
Howard Rosenberg - photography
Henry Marquez - art direction
Ron McMaster - remastering
Kenny Nemes - project manager
Michelle Azzopardi - art direction
Kristine L. Barnard - design
John Dinser - photo imaging and additional design
Edward Colver - photography
Howard Rosenberg - photography
EMI Archives - photography
2.Freaky Styley
ออกเมื่อปี 1984
ในแนวเพลง Funk rock
กับค่าย EMI
*remaster ใหม่ในปี 2003 เพิ่มเพลงอีก 4 เพลงจากต้นฉบับ 14 เพลง*
Hillel Slovak – กีตาร์
Flea – เบสส์, ทรัมเป็ต, ร้องสนับสนุน
Cliff Martinez – กลอง
Maceo Parker - แซกโซโฟน
Benny Cowan - ทรัมเป็ต
Larry Fratangelo - เครื่องเคาะ
George Clinton - ร้องสนับสนุน
Steve Boyd - ร้องสนับสนุน
Andre Williams - ร้องสนับสนุน
Mike "Clip" Payne - ร้องสนับสนุน
Pat Lewis - ร้องสนับสนุน
Joel Virgel - ร้องสนับสนุน
Robert "Peanut" Johnson - ร้องสนับสนุน
Shirley Hayden - ร้องสนับสนุน
Lous "Bro" Kabbabie - ร้องสนับสนุน
Gary Shider - ร้องสนับสนุน
Greg Ward - engineer, mixing
John Bauer - second engineer
Jim Vitti - mixing ("The Brother's Cup" and "Blackeyed Blonde")
Jim "JB" Baurlein - mixing ("Sex Rap")
Bruce Nazarrian - mixing ("Yertle the Turtle")
Red Hot Chili Peppers - mixing ("Sex Rap")
Fred Wesley - horn arrangements
Ron McMaster - remastering
Peter Shea - design
Nels Israelson - photography
3.The Uplift Mofo Party Plan
ออกเมื่อปี 1987
ในแนวเพลง Funk rock, rap rock, funk metal
กับค่าย EMI, Capitol
*remaster ใหม่ในปี 2003 เพิ่มเพลงอีก 2 เพลงจากต้นฉบับ 12 เพลง*
Hillel Slovak – กีตาร์, ร้องสนับสนุน
Flea – เบสส์, ร้องสนับสนุน
Jack Irons – กลอง, ร้องสนับสนุน
Angelo Moore – ร้องสนับสนุน
John Norwood Fisher – ร้องสนับสนุน
David Kenoly – ร้องสนับสนุน
Annie Newman – ร้องสนับสนุน
Judy Clapp – engineer
Howie Weinberg – mastering engineer
4.Mother's Milk
ออกเมื่อปี 1989
ในแนวเพลง Funk rock, funk metal, alternative rock
กับค่าย EMI
*remaster ใหม่ในปี 2003 เพิ่มเพลงอีก 6 เพลงจากต้นฉบับ 13 เพลง*
Michael "Flea" Balzary – เบสส์, ทรัมเป็ต
John Frusciante – กีตาร์, ร้องสนับสนุน
Chad Smith – กลอง, เครื่องเคาะ
Michael Beinhorn – producer, engineer
Hillel Slovak – กีตาร์ ในเพลง "Fire"
Jack Irons – กลอง ในเพลง "Fire"
Dave Coleman – เชลโล ในเพลง "Taste the Pain"
Philip "Fish" Fisher - กลอง ในเพลง "Taste the Pain"
Nels Israelson – ช่างภาพ
Patrick English – ทรัมเป็ต ในเพลง "Subway to Venus"
Randy Ruff - ร้องนำ ในเพลง "Higher Ground" and "Good Time Boys"
Vicki Calhoun – ร้องสนับสนุน
Keith "Tree" Barry – เทนเนอร์ แซกโซโฟน ในเพลง "Subway to Venus" and "Sexy Mexican Maid"
Eddie DeLena – engineer
Sean Demey – engineer
Garth Richardson – engineer
Dave Jerden – mixing
Howie Weinberg – mastering engineer
5.Blood Sugar Sex Magik
ออกเมื่อปี 1991
ในแนวเพลง Funk rock, funk metal, alternative rock
กับค่าย Warner Bros.
John Frusciante – กีตาร์, ร้องสนับสนุน
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง, เครื่องเคาะ
Brendan O'Brien – mellotron ในเพลง "Breaking the Girl" and "Sir Psycho Sexy", engineering
Rick Rubin – production
Gus Van Sant – art direction
Howie Weinberg – mastering engineering
Pete Weiss – jaw harp ในเพลง "Give It Away"
**อัลบั้มติดชาร์ต Billboard 200 อันดับ 3**
**อัลบั้มติดชาร์ต UK Albums Chart อันดับ 5**
**อัลบั้มติดชาร์ต Canadian Albums Chart อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Swedish Top 60 อันดับ 26**
**อัลบั้มติดชาร์ต Austria อันดับ 17**
**อัลบั้มติดชาร์ต France อันดับ 71**
**อัลบั้มติดชาร์ต Finland อันดับ 16**
**อัลบั้มติดชาร์ต Germany อันดับ 12**
**อัลบั้มติดชาร์ต Norway อันดับ 5**
**อัลบั้มติดชาร์ต Switzerland อันดับ 10**
**อัลบั้มติดชาร์ต Australia อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต New Zealand อันดับ 1**
**เพลง Give It Away ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 1**
**เพลง Give It Away ติดชาร์ต The Billboard Hot 100 อันดับ 73**
**เพลง Under the Bridge ติดชาร์ต The Billboard Hot 100 อันดับ 2**
**เพลง Under the Bridge ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 2**
**เพลง Under the Bridge ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 6**
**เพลง Breaking the Girl ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 15**
**เพลง Breaking the Girl ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 19**
**เพลง Suck My Kiss ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 15**
6.One Hot Minute
ออกเมื่อปี 1995
ในแนวเพลง Alternative rock, alternative metal, funk metal
กับค่าย Warner Bros.
Dave Navarro – กีตาร์, ร้องสนับสนุน
Michael "Flea" Balzary – เบสส์, ร้องสนับสนุน, ร้องนำ ในเพลง "Pea"
Chad Smith – กลอง
Rick Rubin – producer
Mark Ryden – art direction
Stephen Marcussen - mastering engineer
Lenny Castro – เครื่องเคาะ ในเพลง "Walkabout", "My Friends", "One Hot Minute", "Deep Kick", และ "Tearjerker"
John Lurie – เม้าท์ออร์แกนหรือharmonica ในเพลง "One Hot Minute"
Tree – ไวโอลิน ในเพลง "Tearjerker"
Stephen Perkins – เครื่องเคาะ ในเพลง "One Big Mob"
Kristen Vigard – ร้องสนับสนุน ในเพลง "Falling into Grace"
Aimee Echo – ร้องสนับสนุน ในเพลง "One Hot Minute", "One Big Mob"
Gurmukh Kaur Khalsa – chants ในเพลง "Falling into Grace"
**อัลบั้มติดชาร์ต U.S. Billboard 200 อันดับ 4**
**อัลบั้มติดชาร์ต UK Top 40 อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Canadian RPM Albums Chart อันดับ 6**
**อัลบั้มติดชาร์ต Swedish Top 60 อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Austria อันดับ 4**
**อัลบั้มติดชาร์ต France อันดับ 3**
**อัลบั้มติดชาร์ต Finland อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Norway อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Switzerland อันดับ 2**
**เพลง Warped ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 13**
**เพลง Warped ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 7**
**เพลง My Friends ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 1**
**เพลง My Friends ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 1**
**เพลง Aeroplane ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 12**
**เพลง Aeroplane ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 8**
**เพลง Aeroplane ติดชาร์ต Top 40 Mainstream อันดับ 30**
7.Californication
ออกเมื่อปี 1999
ในแนวเพลง Alternative rock, funk rock
กับค่าย Warner Bros.
John Frusciante – กีตาร์โวโล่, ร้องสนับสนุน และ คีย์บอร์ด
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง และ เครื่องเคาะ
Patrick Warren – แชมเบอร์ลิน ออร์แกน ในเพลง "Road Trippin'"
Lindsay Chase – production coordinator
Mike Nicholson and Greg Collins – additional engineering
Greg Fidelman – additional engineering
Jennifer Hilliard – assistant engineer
Ok Hee Kim – assistant engineer
Sonya Koskoff – photography
Vladimir Meller – mastering
Red Hot Chili Peppers – art direction
Rick Rubin – production
David Schiffman – additional engineering
Jim Scott – engineer, mixing
John Sorenson – additional engineering
Tony Wooliscroft – photography
**อัลบั้มติดชาร์ต Billboard 200 อันดับ 3**
**อัลบั้มติดชาร์ต Netherlands อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต UK Top 40 อันดับ 5**
**อัลบั้มติดชาร์ต Germany อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Australia อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Swedish Top 60 อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต New Zealand อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต France อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Finland อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Norway อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Austria อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Switzerland อันดับ 3**
**อัลบั้มติดชาร์ต Canadian Albums Chart อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Belgium (Flanders) อันดับ 6**
**อัลบั้มติดชาร์ต Belgium (Wallonia) อันดับ 13**
**อัลบั้มติดชาร์ต Brazil อันดับ -**
**อัลบั้มติดชาร์ต Italy อันดับ -**
**อัลบั้มติดชาร์ต Poland อันดับ 26**
เพลงที่ติดชาร์ตจะนับเฉพาะอันดับไม่เกิน 20 ที่เหลือขอไม่นับ(แบบว่าเยอะมาก)
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต Billboard Hot 100 (US) อันดับ 9**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต Alternative Songs (US) อันดับ 1**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต Hot Mainstream Rock Tracks (US) อันดับ 1**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต UK Top 40 อันดับ 15**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can) อันดับ 4**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can Alt) อันดับ 1**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต New Zealand อันดับ 3**
**เพลง Around the World ติดชาร์ต Alternative Songs (US) อันดับ 7**
**เพลง Around the World ติดชาร์ต Hot Mainstream Rock Tracks (US) อันดับ 16**
**เพลง Around the World ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can Alt) อันดับ 18**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต Billboard Hot 100 (US) อันดับ 14**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต Alternative Songs (US) อันดับ 1**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต Hot Mainstream Rock Tracks (US) อันดับ 2**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can Alt) อันดับ 1**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต Sweden อันดับ 19**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต New Zealand อันดับ 5**
**เพลง Californication ติดชาร์ต Alternative Songs (US) อันดับ 1**
**เพลง Californication ติดชาร์ต Hot Mainstream Rock Tracks (US) อันดับ 1**
**เพลง Californication ติดชาร์ต UK Top 40 อันดับ 16**
**เพลง Californication ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can Alt) อันดับ 1**
**เพลง Californication ติดชาร์ต New Zealand อันดับ 8**
8.By the Way
ออกเมื่อปี 2002
ในแนวเพลง Alternative rock
กับค่าย Warner Bros.
John Frusciante – กีตาร์, ร้องสนับสนุน, เปียโน, คีย์บอร์ด และ โมดูล ซินนิไซเซอร์
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง
Julian Schnabel และ Red Hot Chili Peppers – art direction
Vladimir Meller – mastering
9.Stadium Arcadium
ออกเมื่อปี 2002
ในแนวเพลง Alternative rock, funk rock
กับค่าย Warner Bros.
John Frusciante – กีตาร์, ร้องสนับสนุน, คีย์บอร์ด
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง และ เครื่องเคาะ
Michael Bolger – ทรอมโบน ในเพลง "Turn It Again"
Lenny Castro – เครื่องเคาะ
Paulinho da Costa – percussion
Richard Dodd – เชลโล่ ในเพลง "She Looks to Me"
Emily Kokal – ร้องคอรัส ในเพลง "Desecration Smile"
Billy Preston – clavinet ในเพลง "Warlocks"
Omar Rodr?guez-L?pez – กีตาร์โซโล่ ในเพลง "Especially in Michigan"
Brad Warnaar – เฟรนช์ฮอร์น ในเพลง "Stadium Arcadium"
Shane Jackson – assistant photography
Vlado Meller – mastering (CD)
Rick Rubin – production
Andrew Scheps – mixing and engineering
Gus Van Sant – art direction
10.I'm with You
กำหนดออกจำหน่ายวันที่ 30 สิงหาคม 2011
กับค่าย Warner Bros.
สมาชิกหลัก
Michael "Flea" Balzary – เบสส์, เปียโน
Josh Klinghoffer – กีตาร์, คีย์บอร์ด, ร้องสนับสนุน
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง และ เครื่องเคาะ
Vladimir Meller – mastering
Rick Rubin – production
Andrew Scheps – mixing
Clara Balzary – promotional photography
Damien Hirst – art direction
(แปลและเรียบเรียงเองจาก WIKI)
-แนวเพลงของวงมีความหลากหลาย ที่เกิดจากการรวมของเพลงร็อกดั้งเดิมและฟังก์ เข้ากับองค์ประกอบของ เฮฟวีเมทัล, พังก์ร็อก และ ไซเคเดลิกร็อก
-นอกจากทั้งแอนโทนี คีดิสและฟลี สมาชิกดั้งเดิมประกอบด้วยมือกีตาร์ ฮิลเลล สโลวัก และมือกลอง แจ็ก ไอออนส์ ซึ่งสโลวักเสียชีวิตจากการเสพเฮโรอีนเกินขนาดในปี 1988 และเป็นผลให้ไอออนส์ลาออกจากวง โดยมีอดีตมือกลองวง เดด เคนเนดีส์ ที่ชื่อ ดี. เอช. เพไลโกรเข้ามาแทนก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น สมิธ จนปัจจุบัน ขณะที่สโลวักแทนที่โดน ฟรัสซิแอนเต จากสมาชิกข้างต้นมีผลงานในชุดที่ 4 และ 5 คือ Mother's Milk (1989) และ Blood Sugar Sex Magik (1991)
-Blood Sugar Sex Magik ถือเป็นผลงานชุดโบว์แดงของวง ทำให้พวกเขาก้าวสู่กระแสนิยมกับยอดขาย 13 ล้านชุด ฟรัสซิแอนเตรู้สึกไม่ชอบใจกับความสำเร็จนี้จึงออกจากวงในระหว่างทัวร์อัลบั้มนี้ในปี 1992 ซึ่งเขาก็ยังติดเฮโรอีน คีดิส, ฟลี, และสมิธ จ้าง เดฟ นาวาร์โร จากวง เจนส์แอดดิกชัน มาทำงานในอัลบั้มชุดต่อมาที่ชื่อ One Hot Minute (1995) ความนิยมในอัลบั้มนี้ลดลงไปกว่า Blood Sugar Sex Magik ทั้งทางด้านเสียงวิจารณ์และยอดขายที่ขายน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของอัลบั้มก่อน และนาวาร์โรออกจากวงเนื่องจากความคิดที่แตกต่างกัน
-ฟรัสซิแอนเต กลับมาหลังจากบำบัดยา เข้าร่วมวงใหม่อีกครั้งในปี 1998 โดยคำเรียกร้องของฟลี พวกเขาทั้ง 4 กลับมาทำอัลบั้มชุด Californication (1999) ที่มียอดขาย 15 ล้านชุดทั่วโลก ขณะที่เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจนปัจจุบัน หลังจากนั้น 3 ปีพวกเขาออกอัลบั้มชุด By the Way (2002) ซึ่งก็ยังคงประสบความสำเร็จ ต่อมาในปี 2006 พวกเขาออกอัลบั้มคู่ชุด Stadium Arcadium ซึ่งก็ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลแกรมมี่ 7 รางวัล มียอดขาย 50 ล้านชุดทั่วโลก มี 7 ซิงเกิ้ลที่ติดใน 40 อันดับแรกของบิลบอร์ดฮ็อต 100 (รวมถึงมี 3 ซิงเกิ้ลติดใน 10 อันดับแรก) ยังมีเพลง 5 ซิงเกิ้ลขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทเมนสตรีมร็อก และ มี 11 ซิงเกิ้ลติดอันดับชาร์ทโมเดิร์นร็อก
(คัดลอกมาจาก WIKIPEDIA ฉบับภาษาไทย)
-สมาชิกยุคก่อตั้งในวงประกอบด้วย
นักร้อง - แอนโทนี คีดิส (Anthony Kiedis)มือกีตาร์ - แจ๊ค เชอร์แมน (Jack Sherman)
มือเบส ร้องประสาน- ไมเคิล "ฟลี" บัลซารี (Michael Peter Balzary)
มือกลอง - คลิฟฟ์ มาติเนซ (Cliff Martinez)
-สมาชิกปัจจุบัน
นักร้อง - Anthony Kiedisมือเบส ทรัมเป็ต เปียโน ร้องประสาน - Flea
กลอง เครื่องเคาะ - Chad Smith
กีตาร์ คีย์บอร์ด เปียโน ร้องประสาน - Josh Klinghoffer
Hillel Slovak (เสียชีวิต)
Dave Navarro
Jesse Tobias
Arik Marshall
D.H. Peligro
DeWayne McKnight
Jack Irons
Cliff Martinez
Jack Sherman
- กำเนิดวงที่ Los Angeles, California, United States ปี 1983
- แนวเพลง Funk rock, alternative rock, punk rock
มีอัลบั้มมาแล้วทั้งหมด 9 ชุด ได้แก่
1.The Red Hot Chili Peppers
ออกเมื่อปี 1984
ในแนวเพลง Funk rock, rap rock
กับค่าย EMI, Capitol
*remaster ใหม่ในปี 2003 เพิ่มเพลงอีก 5 เพลงจากต้นฉบับ 11 เพลง*
สมาชิกหลัก
Anthony Kiedis – ร้องนำFlea – เบสส์, ร้องสนับสนุน
Jack Sherman – กีตาร์
Cliff Martinez – กลอง
นักดนตรีเพิ่มเติม
Keith Barry - ฮอร์น, ไวโอลินใหญ่Cliff Brooks - กลอง timbales, กลอง congas
Gwen Dickey - ร้องสนับสนุน
Patrick English - ทรัมเป็ต
Kenny Flood - เทนเนอร์ แซกโซโฟน
Phil Ranelin - ทรอมโบน
ทีมบันทึกเสียง
Andy Gill – producerDave Jerden – engineer
Carolyn Collins – assistant engineer
Rob Stevens – mixing
Barry Conley - mixing assistant
Greg Fulginiti - mastering
ทีมศิลป์
Gary Panter - cover artEdward Colver - photography
Howard Rosenberg - photography
Henry Marquez - art direction
ทีมงาน remastered version ปี 2003
Kevin Flaherty - producer for reissueRon McMaster - remastering
Kenny Nemes - project manager
Michelle Azzopardi - art direction
Kristine L. Barnard - design
John Dinser - photo imaging and additional design
Edward Colver - photography
Howard Rosenberg - photography
EMI Archives - photography
2.Freaky Styley
ออกเมื่อปี 1984
ในแนวเพลง Funk rock
กับค่าย EMI
*remaster ใหม่ในปี 2003 เพิ่มเพลงอีก 4 เพลงจากต้นฉบับ 14 เพลง*
สมาชิกหลัก
Anthony Kiedis – ร้องนำHillel Slovak – กีตาร์
Flea – เบสส์, ทรัมเป็ต, ร้องสนับสนุน
Cliff Martinez – กลอง
นักดนตรีเพิ่มเติม
Fred Wesley - ทรอมโบนMaceo Parker - แซกโซโฟน
Benny Cowan - ทรัมเป็ต
Larry Fratangelo - เครื่องเคาะ
George Clinton - ร้องสนับสนุน
Steve Boyd - ร้องสนับสนุน
Andre Williams - ร้องสนับสนุน
Mike "Clip" Payne - ร้องสนับสนุน
Pat Lewis - ร้องสนับสนุน
Joel Virgel - ร้องสนับสนุน
Robert "Peanut" Johnson - ร้องสนับสนุน
Shirley Hayden - ร้องสนับสนุน
Lous "Bro" Kabbabie - ร้องสนับสนุน
Gary Shider - ร้องสนับสนุน
ทีมบันทึกเสียง
George Clinton - producerGreg Ward - engineer, mixing
John Bauer - second engineer
Jim Vitti - mixing ("The Brother's Cup" and "Blackeyed Blonde")
Jim "JB" Baurlein - mixing ("Sex Rap")
Bruce Nazarrian - mixing ("Yertle the Turtle")
Red Hot Chili Peppers - mixing ("Sex Rap")
Fred Wesley - horn arrangements
Ron McMaster - remastering
ทีมศิลป์
Henry Marquex - art directionPeter Shea - design
Nels Israelson - photography
3.The Uplift Mofo Party Plan
ออกเมื่อปี 1987
ในแนวเพลง Funk rock, rap rock, funk metal
กับค่าย EMI, Capitol
*remaster ใหม่ในปี 2003 เพิ่มเพลงอีก 2 เพลงจากต้นฉบับ 12 เพลง*
สมาชิกหลัก
Anthony Kiedis – ร้องนำHillel Slovak – กีตาร์, ร้องสนับสนุน
Flea – เบสส์, ร้องสนับสนุน
Jack Irons – กลอง, ร้องสนับสนุน
นักดนตรีเพิ่มเติม
Michael Beinhorn – ร้องสนับสนุนAngelo Moore – ร้องสนับสนุน
John Norwood Fisher – ร้องสนับสนุน
David Kenoly – ร้องสนับสนุน
Annie Newman – ร้องสนับสนุน
ทีมบันทึกเสียง
Michael Beinhorn – productionJudy Clapp – engineer
Howie Weinberg – mastering engineer
4.Mother's Milk
ออกเมื่อปี 1989
ในแนวเพลง Funk rock, funk metal, alternative rock
กับค่าย EMI
*remaster ใหม่ในปี 2003 เพิ่มเพลงอีก 6 เพลงจากต้นฉบับ 13 เพลง*
สมาชิกที่เกี่ยวข้องกับชุดนี้ทั้งหมด
Anthony Kiedis – ร้องนำ, ออกแบบแนวคิดศิลปะMichael "Flea" Balzary – เบสส์, ทรัมเป็ต
John Frusciante – กีตาร์, ร้องสนับสนุน
Chad Smith – กลอง, เครื่องเคาะ
Michael Beinhorn – producer, engineer
Hillel Slovak – กีตาร์ ในเพลง "Fire"
Jack Irons – กลอง ในเพลง "Fire"
Dave Coleman – เชลโล ในเพลง "Taste the Pain"
Philip "Fish" Fisher - กลอง ในเพลง "Taste the Pain"
Nels Israelson – ช่างภาพ
Patrick English – ทรัมเป็ต ในเพลง "Subway to Venus"
Randy Ruff - ร้องนำ ในเพลง "Higher Ground" and "Good Time Boys"
Vicki Calhoun – ร้องสนับสนุน
Keith "Tree" Barry – เทนเนอร์ แซกโซโฟน ในเพลง "Subway to Venus" and "Sexy Mexican Maid"
Eddie DeLena – engineer
Sean Demey – engineer
Garth Richardson – engineer
Dave Jerden – mixing
Howie Weinberg – mastering engineer
5.Blood Sugar Sex Magik
ออกเมื่อปี 1991
ในแนวเพลง Funk rock, funk metal, alternative rock
กับค่าย Warner Bros.
สมาชิกหลัก
Michael "Flea" Balzary – เบสส์, ทรัมเป็ต, ร้องสนับสนุนJohn Frusciante – กีตาร์, ร้องสนับสนุน
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง, เครื่องเคาะ
นักดนตรีเพิ่มเติม
Gail Frusciante and her friends – ร้องสนับสนุน ในเพลง "Under the Bridge"Brendan O'Brien – mellotron ในเพลง "Breaking the Girl" and "Sir Psycho Sexy", engineering
Rick Rubin – production
Gus Van Sant – art direction
Howie Weinberg – mastering engineering
Pete Weiss – jaw harp ในเพลง "Give It Away"
**อัลบั้มติดชาร์ต Billboard 200 อันดับ 3**
**อัลบั้มติดชาร์ต UK Albums Chart อันดับ 5**
**อัลบั้มติดชาร์ต Canadian Albums Chart อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Swedish Top 60 อันดับ 26**
**อัลบั้มติดชาร์ต Austria อันดับ 17**
**อัลบั้มติดชาร์ต France อันดับ 71**
**อัลบั้มติดชาร์ต Finland อันดับ 16**
**อัลบั้มติดชาร์ต Germany อันดับ 12**
**อัลบั้มติดชาร์ต Norway อันดับ 5**
**อัลบั้มติดชาร์ต Switzerland อันดับ 10**
**อัลบั้มติดชาร์ต Australia อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต New Zealand อันดับ 1**
**เพลง Give It Away ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 1**
**เพลง Give It Away ติดชาร์ต The Billboard Hot 100 อันดับ 73**
**เพลง Under the Bridge ติดชาร์ต The Billboard Hot 100 อันดับ 2**
**เพลง Under the Bridge ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 2**
**เพลง Under the Bridge ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 6**
**เพลง Breaking the Girl ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 15**
**เพลง Breaking the Girl ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 19**
**เพลง Suck My Kiss ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 15**
6.One Hot Minute
ออกเมื่อปี 1995
ในแนวเพลง Alternative rock, alternative metal, funk metal
กับค่าย Warner Bros.
สมาชิกที่เกี่ยวข้องกับชุดนี้ทั้งหมด
Anthony Kiedis – ร้องนำDave Navarro – กีตาร์, ร้องสนับสนุน
Michael "Flea" Balzary – เบสส์, ร้องสนับสนุน, ร้องนำ ในเพลง "Pea"
Chad Smith – กลอง
Rick Rubin – producer
Mark Ryden – art direction
Stephen Marcussen - mastering engineer
Lenny Castro – เครื่องเคาะ ในเพลง "Walkabout", "My Friends", "One Hot Minute", "Deep Kick", และ "Tearjerker"
John Lurie – เม้าท์ออร์แกนหรือharmonica ในเพลง "One Hot Minute"
Tree – ไวโอลิน ในเพลง "Tearjerker"
Stephen Perkins – เครื่องเคาะ ในเพลง "One Big Mob"
Kristen Vigard – ร้องสนับสนุน ในเพลง "Falling into Grace"
Aimee Echo – ร้องสนับสนุน ในเพลง "One Hot Minute", "One Big Mob"
Gurmukh Kaur Khalsa – chants ในเพลง "Falling into Grace"
**อัลบั้มติดชาร์ต U.S. Billboard 200 อันดับ 4**
**อัลบั้มติดชาร์ต UK Top 40 อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Canadian RPM Albums Chart อันดับ 6**
**อัลบั้มติดชาร์ต Swedish Top 60 อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Austria อันดับ 4**
**อัลบั้มติดชาร์ต France อันดับ 3**
**อัลบั้มติดชาร์ต Finland อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Norway อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Switzerland อันดับ 2**
**เพลง Warped ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 13**
**เพลง Warped ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 7**
**เพลง My Friends ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 1**
**เพลง My Friends ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 1**
**เพลง Aeroplane ติดชาร์ต Mainstream Rock Tracks อันดับ 12**
**เพลง Aeroplane ติดชาร์ต Modern Rock Tracks อันดับ 8**
**เพลง Aeroplane ติดชาร์ต Top 40 Mainstream อันดับ 30**
7.Californication
ออกเมื่อปี 1999
ในแนวเพลง Alternative rock, funk rock
กับค่าย Warner Bros.
สมาชิกหลัก
Michael "Flea" Balzary – เบสส์ และ ทรัมเป็ตJohn Frusciante – กีตาร์โวโล่, ร้องสนับสนุน และ คีย์บอร์ด
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง และ เครื่องเคาะ
นักดนตรีเพิ่มเติม
Greg Kurstin – คีย์บอร์ดPatrick Warren – แชมเบอร์ลิน ออร์แกน ในเพลง "Road Trippin'"
ทีมงาน
Lawrence Azerrad – art directionLindsay Chase – production coordinator
Mike Nicholson and Greg Collins – additional engineering
Greg Fidelman – additional engineering
Jennifer Hilliard – assistant engineer
Ok Hee Kim – assistant engineer
Sonya Koskoff – photography
Vladimir Meller – mastering
Red Hot Chili Peppers – art direction
Rick Rubin – production
David Schiffman – additional engineering
Jim Scott – engineer, mixing
John Sorenson – additional engineering
Tony Wooliscroft – photography
**อัลบั้มติดชาร์ต Billboard 200 อันดับ 3**
**อัลบั้มติดชาร์ต Netherlands อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต UK Top 40 อันดับ 5**
**อัลบั้มติดชาร์ต Germany อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Australia อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Swedish Top 60 อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต New Zealand อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต France อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Finland อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Norway อันดับ 1**
**อัลบั้มติดชาร์ต Austria อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Switzerland อันดับ 3**
**อัลบั้มติดชาร์ต Canadian Albums Chart อันดับ 2**
**อัลบั้มติดชาร์ต Belgium (Flanders) อันดับ 6**
**อัลบั้มติดชาร์ต Belgium (Wallonia) อันดับ 13**
**อัลบั้มติดชาร์ต Brazil อันดับ -**
**อัลบั้มติดชาร์ต Italy อันดับ -**
**อัลบั้มติดชาร์ต Poland อันดับ 26**
เพลงที่ติดชาร์ตจะนับเฉพาะอันดับไม่เกิน 20 ที่เหลือขอไม่นับ(แบบว่าเยอะมาก)
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต Billboard Hot 100 (US) อันดับ 9**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต Alternative Songs (US) อันดับ 1**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต Hot Mainstream Rock Tracks (US) อันดับ 1**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต UK Top 40 อันดับ 15**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can) อันดับ 4**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can Alt) อันดับ 1**
**เพลง Scar Tissue ติดชาร์ต New Zealand อันดับ 3**
**เพลง Around the World ติดชาร์ต Alternative Songs (US) อันดับ 7**
**เพลง Around the World ติดชาร์ต Hot Mainstream Rock Tracks (US) อันดับ 16**
**เพลง Around the World ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can Alt) อันดับ 18**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต Billboard Hot 100 (US) อันดับ 14**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต Alternative Songs (US) อันดับ 1**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต Hot Mainstream Rock Tracks (US) อันดับ 2**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can Alt) อันดับ 1**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต Sweden อันดับ 19**
**เพลง Otherside ติดชาร์ต New Zealand อันดับ 5**
**เพลง Californication ติดชาร์ต Alternative Songs (US) อันดับ 1**
**เพลง Californication ติดชาร์ต Hot Mainstream Rock Tracks (US) อันดับ 1**
**เพลง Californication ติดชาร์ต UK Top 40 อันดับ 16**
**เพลง Californication ติดชาร์ต RPM (magazine) (Can Alt) อันดับ 1**
**เพลง Californication ติดชาร์ต New Zealand อันดับ 8**
8.By the Way
ออกเมื่อปี 2002
ในแนวเพลง Alternative rock
กับค่าย Warner Bros.
สมาชิกหลัก
Michael "Flea" Balzary – เบสส์, ทรัมเป็ต และ ร้องสนับสนุนJohn Frusciante – กีตาร์, ร้องสนับสนุน, เปียโน, คีย์บอร์ด และ โมดูล ซินนิไซเซอร์
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง
ทีมงาน
Rick Rubin – production and engineeringJulian Schnabel และ Red Hot Chili Peppers – art direction
Vladimir Meller – mastering
ตารางชาร์ตต่างๆ
9.Stadium Arcadium
ออกเมื่อปี 2002
ในแนวเพลง Alternative rock, funk rock
กับค่าย Warner Bros.
สมาชิกหลัก
Michael "Flea" Balzary – เบสส์, ทรัมเป็ตJohn Frusciante – กีตาร์, ร้องสนับสนุน, คีย์บอร์ด
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง และ เครื่องเคาะ
นักดนตรีเพิ่มเติม
Natalie Baber, Mylissa Hoffman, Alexis Izenstark, Spencer Izenstark, Dylan Lerner, Kyle Lerner, Gabrielle Mosbe, Monique Mosbe, Sophia Mosbe, Isabella Shmelev, Landen Starman, Wyatt Starkman ร้องสนับสนุน ในเพลง "We Believe"Michael Bolger – ทรอมโบน ในเพลง "Turn It Again"
Lenny Castro – เครื่องเคาะ
Paulinho da Costa – percussion
Richard Dodd – เชลโล่ ในเพลง "She Looks to Me"
Emily Kokal – ร้องคอรัส ในเพลง "Desecration Smile"
Billy Preston – clavinet ในเพลง "Warlocks"
Omar Rodr?guez-L?pez – กีตาร์โซโล่ ในเพลง "Especially in Michigan"
Brad Warnaar – เฟรนช์ฮอร์น ในเพลง "Stadium Arcadium"
ทีมงาน
Steve Hoffman – mastering (vinyl)Shane Jackson – assistant photography
Vlado Meller – mastering (CD)
Rick Rubin – production
Andrew Scheps – mixing and engineering
Gus Van Sant – art direction
ตารางชาร์ตต่างๆ
10.I'm with You
กำหนดออกจำหน่ายวันที่ 30 สิงหาคม 2011
กับค่าย Warner Bros.
สมาชิกหลัก
Michael "Flea" Balzary – เบสส์, เปียโน
Josh Klinghoffer – กีตาร์, คีย์บอร์ด, ร้องสนับสนุน
Anthony Kiedis – ร้องนำ
Chad Smith – กลอง และ เครื่องเคาะ
ทีมงาน
Greg Fidelman – mixingVladimir Meller – mastering
Rick Rubin – production
Andrew Scheps – mixing
Clara Balzary – promotional photography
Damien Hirst – art direction
(แปลและเรียบเรียงเองจาก WIKI)
ประวัติแนว New York hardcore (NYHC)
- New York hardcore หรือที่เรียกกันย่อๆว่า (NYHC) ก็คือการรวมเอาแนว hardcore punk และ metalcore มาผสมกัน
- ต้นกำเนิดของแนวดนตรีนี้เกิดขึ้นที่ เมือง นิวยอร์ก
- New York hardcore พัฒนามาจากแนว hardcore ที่มีวงดังๆอย่าง BadBrains และ MinorThreat ที่อยู่ในแถบเมือง Washington, D.C. เล่นแนว hardcore punk มาก่อน
- อัลบั้ม Hardcore '81 ของวงอย่าง D.O.A. ทีมาจาก แคนนาดา ในแนว hardcore punk ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ New York hardcore เลยก็ว่าได้
- แต่บางแหล่งข่าวก็บอกว่า hardcore เริ่มแรกนั้นมาจากแนว punk ในแถบอเมริกาเหนือ
- เมืองนิวยอร์ก มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแนวเพลงอย่าง hardcore
- จุดเริ่มต้นสำคัญอยู่ที่การเกิดวงดนตรีอย่าง Bad Brains ที่มาจากเมือง Washington, D.C.
- Roger Miret จากวง Agnostic Front ได้พูดว่า "พวกเราเริ่มต้นด้วยการเล่น hardcore เพราะพวกเราต้องการที่จะแยกแนวดนตรีของวงออกจากคำว่า the druggy หรือ artsy punk" ที่กำลังก่อตัวขึ้นใน New York ในเวลานั้น
-วงดนตรีต่อไปนี้มาจากเมือง New York และเล่นแนว hardcore มาก่อน ก่อนที่แต่ละวงจะแตกแนวเพลงไปเป็นแนวอื่นๆในอนาคต
*วงแรกๆที่อยู่ในช่วงกำเนิด hardcore*
Agnostic Front (Crossover thrash, NWOAHM)
Beastie Boys (Hip hop, rap rock, alternative hip hop)
Cro-Mags (Crossover thrash, Thrash metal, Youth crew)
Heart Attack (anarcho-punk)
Learn Nothing (ไม่มีประวัติ)
Nihilistics (ไม่มีประวัติ)
No Thanks (ไม่มีประวัติ)
The Psychos (ไม่มีประวัติ)
Kraut (Post Punk, Thrash, Hard rock, Metal)
The Mob (ไม่มีประวัติ)
The Misguided (ไม่มีประวัติ)
Urban Waste (hardcore punk)
The Stimulators (ไม่มีประวัติ)
Sheer Terror (hardcore punk)
Murphy's Law (Skate-punk)
Reagan Youth (hardcore punk)
Cause for Alarm (ไม่มีประวัติ)
Warzone (hardcore skinhead, Oi, hardcore punk, street punk, metalcore, crossover thrash)
*วงหลังๆที่กำเนิดเกิดใหม่หลังจากที่ hardcore เป็นที่นิยมแล้ว*
Sick of It All (Hardcore punk, metalcore)
Breakdown (Hardcore punk, rock n roll, heavy metal)
Subzero (Hardcore Punk, Metalcore)
Hoods (ไม่มีประวัติ)
Straight Ahead (ไม่มีประวัติ)
Rest in Pieces (ไม่มีประวัติ)
Raw Deal (ไม่มีประวัติ)
Killing Time (ไม่มีประวัติ)
Gorilla Biscuits (Youth crew, Hardcore punk, Melodic hardcore, Positive hardcore)
Judge (Hardcore punk)
Bold (youth crew, hardcore)
Underdog (ไม่มีประวัติ)
Token Entry (ไม่มีประวัติ)
Leeway (Crossover thrash, Thrash metal, Hardcore punk)
Merauder (Hardcore punk, Metalcore)
Absolution (ไม่มีประวัติ)
Awkward Thought (Hardcore punk)
Side by Side (Hardcore punk)
Burn (ไม่มีประวัติ)
Shutdown (ไม่มีประวัติ)
Crown of Thornz (Hip hop, Hardcore Punk)
Skarhead (ไม่มีประวัติ)
Sworn Enemy (Crossover Thrash, Metalcore, Hardcore punk)
Irate (ไม่มีประวัติ)
Indecision (ไม่มีประวัติ)
Vietnom (ไม่มีประวัติ)
Cold Front (ไม่มีประวัติ)
Dynamo (ไม่มีประวัติ)
H2O (Punk rock, Hardcore punk, Melodic Hardcore)
Madball (Crossover thrash, Hardcore skinhead)
(ในวงเล็บคือแนวอื่นๆที่วงนั้นๆเล่น)
สรูป
- ต้นกำเนิดของแนวดนตรีนี้มาจากแนว
Extreme metal
Hardcore punk
Streetpunk
Oi!
D-beat
Crust punk
Crossover thrash
- ต้นกำเนิดวัฒนธรรมมีจุดเริ่มตนเมื่อปี 1980 ในเมือง นิวยอร์ค ประเทศ สหรัฐอเมริกา
- เตรื่องดนตรีทั่วไปที่ใช้ประกอบการเล่น
Electric guitar
Bass guitar
Drums
Vocals
- New York hardcore หรือเรียกกันสั้นๆว่า NYHC นั้นก็คือแนว hardcore punk ที่เป็นวงที่มาจากเมือง New York นั่นเอง
(ลองคิดกันเล่นๆว่าวง hardcore ของไทยที่อยู่ใน กทม เล่นแนวนี้กันเยอะก็มีสิทธิที่จะพูดได้ว่าเป็นแนว Bangkok hardcore ได้เช่นกัน)
แปรและเรียบเรียงเองจาก WIKI ครับ
- ต้นกำเนิดของแนวดนตรีนี้เกิดขึ้นที่ เมือง นิวยอร์ก
- New York hardcore พัฒนามาจากแนว hardcore ที่มีวงดังๆอย่าง BadBrains และ MinorThreat ที่อยู่ในแถบเมือง Washington, D.C. เล่นแนว hardcore punk มาก่อน
- อัลบั้ม Hardcore '81 ของวงอย่าง D.O.A. ทีมาจาก แคนนาดา ในแนว hardcore punk ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ New York hardcore เลยก็ว่าได้
- แต่บางแหล่งข่าวก็บอกว่า hardcore เริ่มแรกนั้นมาจากแนว punk ในแถบอเมริกาเหนือ
- เมืองนิวยอร์ก มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแนวเพลงอย่าง hardcore
- จุดเริ่มต้นสำคัญอยู่ที่การเกิดวงดนตรีอย่าง Bad Brains ที่มาจากเมือง Washington, D.C.
- Roger Miret จากวง Agnostic Front ได้พูดว่า "พวกเราเริ่มต้นด้วยการเล่น hardcore เพราะพวกเราต้องการที่จะแยกแนวดนตรีของวงออกจากคำว่า the druggy หรือ artsy punk" ที่กำลังก่อตัวขึ้นใน New York ในเวลานั้น
-วงดนตรีต่อไปนี้มาจากเมือง New York และเล่นแนว hardcore มาก่อน ก่อนที่แต่ละวงจะแตกแนวเพลงไปเป็นแนวอื่นๆในอนาคต
*วงแรกๆที่อยู่ในช่วงกำเนิด hardcore*
Agnostic Front (Crossover thrash, NWOAHM)
Beastie Boys (Hip hop, rap rock, alternative hip hop)
Cro-Mags (Crossover thrash, Thrash metal, Youth crew)
Heart Attack (anarcho-punk)
Learn Nothing (ไม่มีประวัติ)
Nihilistics (ไม่มีประวัติ)
No Thanks (ไม่มีประวัติ)
The Psychos (ไม่มีประวัติ)
Kraut (Post Punk, Thrash, Hard rock, Metal)
The Mob (ไม่มีประวัติ)
The Misguided (ไม่มีประวัติ)
Urban Waste (hardcore punk)
The Stimulators (ไม่มีประวัติ)
Sheer Terror (hardcore punk)
Murphy's Law (Skate-punk)
Reagan Youth (hardcore punk)
Cause for Alarm (ไม่มีประวัติ)
Warzone (hardcore skinhead, Oi, hardcore punk, street punk, metalcore, crossover thrash)
*วงหลังๆที่กำเนิดเกิดใหม่หลังจากที่ hardcore เป็นที่นิยมแล้ว*
Sick of It All (Hardcore punk, metalcore)
Breakdown (Hardcore punk, rock n roll, heavy metal)
Subzero (Hardcore Punk, Metalcore)
Hoods (ไม่มีประวัติ)
Straight Ahead (ไม่มีประวัติ)
Rest in Pieces (ไม่มีประวัติ)
Raw Deal (ไม่มีประวัติ)
Killing Time (ไม่มีประวัติ)
Gorilla Biscuits (Youth crew, Hardcore punk, Melodic hardcore, Positive hardcore)
Judge (Hardcore punk)
Bold (youth crew, hardcore)
Underdog (ไม่มีประวัติ)
Token Entry (ไม่มีประวัติ)
Leeway (Crossover thrash, Thrash metal, Hardcore punk)
Merauder (Hardcore punk, Metalcore)
Absolution (ไม่มีประวัติ)
Awkward Thought (Hardcore punk)
Side by Side (Hardcore punk)
Burn (ไม่มีประวัติ)
Shutdown (ไม่มีประวัติ)
Crown of Thornz (Hip hop, Hardcore Punk)
Skarhead (ไม่มีประวัติ)
Sworn Enemy (Crossover Thrash, Metalcore, Hardcore punk)
Irate (ไม่มีประวัติ)
Indecision (ไม่มีประวัติ)
Vietnom (ไม่มีประวัติ)
Cold Front (ไม่มีประวัติ)
Dynamo (ไม่มีประวัติ)
H2O (Punk rock, Hardcore punk, Melodic Hardcore)
Madball (Crossover thrash, Hardcore skinhead)
(ในวงเล็บคือแนวอื่นๆที่วงนั้นๆเล่น)
สรูป
- ต้นกำเนิดของแนวดนตรีนี้มาจากแนว
Extreme metal
Hardcore punk
Streetpunk
Oi!
D-beat
Crust punk
Crossover thrash
- ต้นกำเนิดวัฒนธรรมมีจุดเริ่มตนเมื่อปี 1980 ในเมือง นิวยอร์ค ประเทศ สหรัฐอเมริกา
- เตรื่องดนตรีทั่วไปที่ใช้ประกอบการเล่น
Electric guitar
Bass guitar
Drums
Vocals
- New York hardcore หรือเรียกกันสั้นๆว่า NYHC นั้นก็คือแนว hardcore punk ที่เป็นวงที่มาจากเมือง New York นั่นเอง
(ลองคิดกันเล่นๆว่าวง hardcore ของไทยที่อยู่ใน กทม เล่นแนวนี้กันเยอะก็มีสิทธิที่จะพูดได้ว่าเป็นแนว Bangkok hardcore ได้เช่นกัน)
แปรและเรียบเรียงเองจาก WIKI ครับ
วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ประวัติวง VENOM
ประวัติวง VENOM
Venom เป็นวงที่เล่นแนว black metal / thrash metal / Heavy metal / speed metal
ก่อตั้งวงเมื่อปี 1979
มาจากเมือง นิวคาสเซิ่ล ประเทศ อังกฤษ
Website ของทางวงคือ www.venomslegions.com
สมาชิกในปัจจุบัน
Conrad "Cronos" Lant เล่น เบส ร้องนำ (อยู่ช่วงปี 1979-1987 และ 1995 ถึง ปัจุบัน)
La Rage เล่น กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 2007 ถึง ปัจจุบัน)
Danny "Dante" Needham เล่น กลอง (อยู่ช่วงปี 2009 ถึง ปัจจุบัน)
อดีตสมาชิก
Jeffrey "Mantas" Dunn ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1979-1986 และ 1989-2002)
Anthony "Abaddon" Bray ตำแหน่ง กลอง (อยู่ช่วงปี 1979-1999)
Clive "Jesus Christ" Archer ตำแหน่ง ร้องนำ (อยู่ช่วงปี 1979-1980)
Mike "Mykvs" Hickey ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1986-1987 และ 2005-2007)
Jim Clare ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1986-1987)
Tony "Demolition Man" Dolan ตำแหน่ง เบส ร้องนำ (อยู่ช่วงปี 1989-1992)
Alastair "Big Al" Barnes ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1989-1991)
Steve "War Maniac" White ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1992)
Antony "Antton" Lant ตำแหน่ง กลอง (อยู่ช่วงปี 2000-2009)
**รายชื่อชุดที่ Venom เคยออกมา(เต็มและอีพี)**
- In League With Satan/Live Like An Angel (1981)
**ไม่มีข้อมูลคาดว่าน่าจะเป็นชุด เดโม**
- Welcome to Hell (1981)
เล่นในแนว Speed metal, first-wave of black metal, early thrash metal
ค่าย Neat
- Black Metal (1982)
เล่นในแนว thrash metal, death metal, black metal
ค่าย Neat
- At War with Satan (1984)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal, black metal
ค่าย Neat
- Possessed (1985)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal
ค่าย Neat
- Calm Before the Storm (1987)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal
ค่าย Filmtrax
- Prime Evil (1989)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal, heavy metal
ค่าย Under One Flag
- Tear Your Soul Apart (EP) (1990)
เล่นในแนว **ไม่มีข้อมูลคาดว่าน่าจะเล่นเหมือนชุดปี 1989**
ค่าย Under One Flag
- Temples of Ice (1991)
เล่นในแนว Heavy metal, speed metal
ค่าย Under One Flag
- The Waste Lands (1992)
เล่นในแนว Heavy metal, speed metal
ค่าย Under One Flag
- Venom '96 (EP) (1996)
เล่นในแนว Thrash metal, heavy metal, speed metal
ค่าย **ไม่มีข้อมูลคาดว่าน่าจะทำกันเอง**
- Cast in Stone (1997)
เล่นในแนว Thrash metal, black metal
ค่าย SPV/Steamhammer
- Resurrection (2000)
เล่นในแนว Thrash metal, black metal
ค่าย SPV/Steamhammer
- Metal Black (2006)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal
ค่าย Castle Music, Sanctuary
- Hell (2008)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal, black metal, heavy metal
ค่าย Universal
- Fallen Angels (กำหนดการออกเดือนสิงหาคม / กันยายน 2011)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal
ค่าย Universal
**ชุดบันทึกการแสดงสด**
- Eine Kleine Nachtmusik (1986)
เล่นในแนว Speed metal, thrash metal, black metal
ค่าย Neat
**ชุด Compilation**
- From Hell to the Unknown (1985)
**ไม่มีข้อมูล**
- The Singles 1980-1986 (1986)
เล่นในแนว Speed metal, thrash metal, black metal
ค่าย Castle Records
- The Book of Armageddon (Best of) (1992)
**ไม่มีข้อมูล**
- Skeletons In The Closet (1993)
**ไม่มีข้อมูล**
- Kissing the Beast (1993)
**ไม่มีข้อมูล**
- New, Live and Rare (1998)
**ไม่มีข้อมูล**
- Old New Borrowed & Blue (1999)
**ไม่มีข้อมูล**
- In League with Satan (2002)
**ไม่มีข้อมูล**
- MMV (Box set) (2005)
**ไม่มีข้อมูล**
- วงที่เป็นแรงบันดาลใจได้แก่ Queen, The Who, Deep Purple, Sex Pistols, Van Halen, The Tubes และ Rolling Stone
- ในฐานะที่ Venom เป็นหนึ่งใน incarnations แรก ของ extreme metal ที่มีอิทธิพลต่อแนว thrash metal, black metal, death metal ทั้งหลาย และวงดนตรีแนว extreme metal อื่น ๆด้วย
- แนวที่ Venom โดดเด่นที่สุดและเป็นโลโก้ของวงคือแนว thrash metal, black metal, speed metal
แปลจาก wiki ครับ
Venom เป็นวงที่เล่นแนว black metal / thrash metal / Heavy metal / speed metal
ก่อตั้งวงเมื่อปี 1979
มาจากเมือง นิวคาสเซิ่ล ประเทศ อังกฤษ
Website ของทางวงคือ www.venomslegions.com
สมาชิกในปัจจุบัน
Conrad "Cronos" Lant เล่น เบส ร้องนำ (อยู่ช่วงปี 1979-1987 และ 1995 ถึง ปัจุบัน)
La Rage เล่น กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 2007 ถึง ปัจจุบัน)
Danny "Dante" Needham เล่น กลอง (อยู่ช่วงปี 2009 ถึง ปัจจุบัน)
อดีตสมาชิก
Jeffrey "Mantas" Dunn ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1979-1986 และ 1989-2002)
Anthony "Abaddon" Bray ตำแหน่ง กลอง (อยู่ช่วงปี 1979-1999)
Clive "Jesus Christ" Archer ตำแหน่ง ร้องนำ (อยู่ช่วงปี 1979-1980)
Mike "Mykvs" Hickey ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1986-1987 และ 2005-2007)
Jim Clare ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1986-1987)
Tony "Demolition Man" Dolan ตำแหน่ง เบส ร้องนำ (อยู่ช่วงปี 1989-1992)
Alastair "Big Al" Barnes ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1989-1991)
Steve "War Maniac" White ตำแหน่ง กีตาร์ (อยู่ช่วงปี 1992)
Antony "Antton" Lant ตำแหน่ง กลอง (อยู่ช่วงปี 2000-2009)
**รายชื่อชุดที่ Venom เคยออกมา(เต็มและอีพี)**
- In League With Satan/Live Like An Angel (1981)
**ไม่มีข้อมูลคาดว่าน่าจะเป็นชุด เดโม**
- Welcome to Hell (1981)
เล่นในแนว Speed metal, first-wave of black metal, early thrash metal
ค่าย Neat
- Black Metal (1982)
เล่นในแนว thrash metal, death metal, black metal
ค่าย Neat
- At War with Satan (1984)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal, black metal
ค่าย Neat
- Possessed (1985)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal
ค่าย Neat
- Calm Before the Storm (1987)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal
ค่าย Filmtrax
- Prime Evil (1989)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal, heavy metal
ค่าย Under One Flag
- Tear Your Soul Apart (EP) (1990)
เล่นในแนว **ไม่มีข้อมูลคาดว่าน่าจะเล่นเหมือนชุดปี 1989**
ค่าย Under One Flag
- Temples of Ice (1991)
เล่นในแนว Heavy metal, speed metal
ค่าย Under One Flag
- The Waste Lands (1992)
เล่นในแนว Heavy metal, speed metal
ค่าย Under One Flag
- Venom '96 (EP) (1996)
เล่นในแนว Thrash metal, heavy metal, speed metal
ค่าย **ไม่มีข้อมูลคาดว่าน่าจะทำกันเอง**
- Cast in Stone (1997)
เล่นในแนว Thrash metal, black metal
ค่าย SPV/Steamhammer
- Resurrection (2000)
เล่นในแนว Thrash metal, black metal
ค่าย SPV/Steamhammer
- Metal Black (2006)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal
ค่าย Castle Music, Sanctuary
- Hell (2008)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal, black metal, heavy metal
ค่าย Universal
- Fallen Angels (กำหนดการออกเดือนสิงหาคม / กันยายน 2011)
เล่นในแนว Thrash metal, speed metal
ค่าย Universal
**ชุดบันทึกการแสดงสด**
- Eine Kleine Nachtmusik (1986)
เล่นในแนว Speed metal, thrash metal, black metal
ค่าย Neat
**ชุด Compilation**
- From Hell to the Unknown (1985)
**ไม่มีข้อมูล**
- The Singles 1980-1986 (1986)
เล่นในแนว Speed metal, thrash metal, black metal
ค่าย Castle Records
- The Book of Armageddon (Best of) (1992)
**ไม่มีข้อมูล**
- Skeletons In The Closet (1993)
**ไม่มีข้อมูล**
- Kissing the Beast (1993)
**ไม่มีข้อมูล**
- New, Live and Rare (1998)
**ไม่มีข้อมูล**
- Old New Borrowed & Blue (1999)
**ไม่มีข้อมูล**
- In League with Satan (2002)
**ไม่มีข้อมูล**
- MMV (Box set) (2005)
**ไม่มีข้อมูล**
- วงที่เป็นแรงบันดาลใจได้แก่ Queen, The Who, Deep Purple, Sex Pistols, Van Halen, The Tubes และ Rolling Stone
- ในฐานะที่ Venom เป็นหนึ่งใน incarnations แรก ของ extreme metal ที่มีอิทธิพลต่อแนว thrash metal, black metal, death metal ทั้งหลาย และวงดนตรีแนว extreme metal อื่น ๆด้วย
- แนวที่ Venom โดดเด่นที่สุดและเป็นโลโก้ของวงคือแนว thrash metal, black metal, speed metal
แปลจาก wiki ครับ
ประวัติสั้นๆของแนว Heavy metal
ประวัติแนว Heavy metal
ความเป็นมานั้นเริ่มจาก กลุ่มศิลปินที่เดิมเล่นเพลงบลูส์ ในช่วงปี 1966 - 68 เช่น วงครีมซึ่งมี อีริค แคลปตัน เป็นมือกีตาร์และนักกีตาร์ไฟฟ้าที่ชื่อ จิมิ เฮนดริกซ์ ซึ่งใช้เครื่องช่วยขยายเสียงกีตาร์ไฟฟ้าให้มีเสียงอันดังสนั่น เกิดแนวทางใหม่ๆในการเล่นกีตาร์ไฟฟ้าของดนตรีร็อก เช่น การใช้เสียงหอนกลับ(Feedback) เสียงบิดเบือน (Distortion) หรือ เพี้ยน วงครีม มีเพลงฮิตที่ตามมาเช่น I feel free(1966) ,Sunshine of your love(1967),White room(1968) เป็นต้น โดยเฉพาะเฮ็นดริ๊กซ์นั้น เขามีการเล่นที่น่าตื่นตา เช่นการเล่นกีตาร์ด้วยฟัน เป็นต้น เพลงฮิตที่ตามมาของเขา เช่น Purple Haze(1967) , Hey Joe, The Wind Cries Mary,Voodoo Child(1968)ซึ่งเพลงเหล่านั้นนับว่าเป็นเพลงแนวฮาร์ดร็อก ยุคแรกๆ ที่ติดอันดับ Top Chart ในยุคนั้น
ต่อมาได้ข้ามาถึงฝั่งอเมริกา เมื่อดนตรีแนว ไซคเดลิค ได้เข้ามาอิทธิพลในอเมริกา วงอย่าง บลู เชียร์ ได้พัฒนาแนวดนตรีขึ้นมาอีกขั้น โดยจะมีความเป็นฮาร์ดร็อคมากยิ่ง ขึ้น ได้เปิดอัลบั้มแรกของพวกเขาในปี 1968 มีเพลงฮิตเช่น Summertimes Blues เป้นต้น ในปีเดียวกัน วง สเต็พเพ็นวูลฟ์ ได้มีเพลงฮิต ชื่อ Born to be Wild (1968)ซึ่งในเพลงนั้นมีวลีว่า Heavy Metal Thunder ซึ่งได้เอาเพลงฮุคท่อนนี้ มาใช้บัญญัติคำดนตรีแนวนี้ว่า เฮฟวี่เมทัล ในเวลาต่อมา ซึ่งทั้ง 2 วงนี้ได้นำเอาคีย์บอร์ดมาใช้ผสมกับดนตรีแนวนี้เพื่อความหนักหน่วงของดนตรีแนวนี้มากขึ้น
วง เล็ด เซ็พพลิน นับเป็นวงที่เริ่มบุกเบิกดนตรีเฮฟวี่เมทัล ยุคใหม่ เป็นที่รู้จักกันดีด้วยเสียงดนตรีอันดังสนั่น โดยพัฒนาแนวดนตรีบลูส์ของอังกฤษ ผสมกับ โฟล์ก ซึ่งพวกเขาตั้งวงกันเมื่อปี 1968 และมีเพลงฮิตในปีถัดมา ซึ่งมีเพลงแนวเฮฟวี่ร็อค อย่าง Communication Breakdown (1969) และเพลงที่หลายๆคนยกย่องกันว่าเป็นเพลงเฮฟวี่เมทัลขนานแท้ของวงนี้คือ Stairway to Heaven (1971) ซึ่งดนตรีของวงนี้มีลักษณะที่พิเศษกว่าวงฮาร์ดร็อกยุคก่อนๆคือ สไตล์การร้องเพลงของนักร้องนำคือ โรเบิร์ต แพลนท์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในการร้องแบบโหยหวนเต็มพลังอารมณ์ และ สไตล์การเล่นกีตาร์ของ จิมมี่ เพจที่ออกแนวโลดโผน เร้าใจ ซึ่งทำให้เป็นแรงบันดาลใจแก่วงเฮฟวี่ร็อครุ่นหลังๆ ต่อๆมา วง ดีพ เพอร์เพิล ซึ่งมาในรุ่นเดียวกัน ก็ปล่อยซิงเกอร์ออกมาคู่กับ วงเลด เซ็พพลิน ซึ่งวงนี้จะออกแนว ไซเคเดลิก หรือ ฮาร์ดร็อก มากกว่า ของช่วงยุคแรกๆ
วง แบล็ค แซบบาธได้ช่วยบุกเบิกดนตรีแนวนี้ในอังกฤษเมื่อปี 1970 ซึ่งพัฒนาแนวไปอีกอีกขั้นหนึ่ง โดยลักษณะเด่นของวงนี้คือ เสียงกีตาร์ที่มีลักษณะเฉพาะของ โทนี่ ไอออมมี่ ซึ่งมีโทนเสียงกีตาร์ที่ต่ำและแตกพร่า ที่เกิดจากความผิดปกติของนิ้วของเขา และเนื้อหาของดนตรีที่ออกแนวที่เกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัว ความเป็นไปของสังคมในด้านลบ และอิทธิพลของยาเสพติดในยุคนั้น และความเป็นบลูส์ในเนื้อดนตรี เริ่มลดลง พวกเขามีเพลงฮิตอย่าง Paranoid (1970) ซึ่งต่อมาวงนี้ได้รับการกล่าวขวัญว่า เป็น วงดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงหนึ่งของโลกตลอดกาล วงอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลในข้างต้นนั้นวงอื่นๆ ก็มีเช่น ยูราย ฮีพ, สกอร์เปียนส์ ,ยูเอฟโอหรือแม้กระทั่งวงอย่าง ควีน เป็นต้น วงเหล่านี้ล้วนมาจากฝั่งยุโรปทั้งสิ้น โดยในฝั่งอมริกา ก็มีวงอย่างเช่น แกรนด์ฟังก์เรลโรด ,คิส,บลูออยส์เตอร์คัลต์ เป็นต้น
ในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 จูดาส พรีสต์ ได้กระตุ้นการพัฒนาการของแนวเพลงนี้โดยละทิ้งอิทธิพลของเพลงแนวบลูส์ทิ้งไป และกระแสเฮฟวีเมทัลในสหราชอาณาจักร ก็ตามมาคล้าย ๆกัน คือรวมความรู้สึกของพังค์ร็อกเข้าไปและเพิ่มเน้นในเรื่องของความเร็วเข้าไป
วงเฮฟวีเมทัล ได้ก้าวสู่ความนิยมหลักในทศวรรษที่ 80 เมื่อมีการขยายไปของแนวเพลงย่อยเกิดขึ้น ความหลากหลายนี้ได้เพิ่มความก้าวร้าวและสุดขีดมากกว่าเมทัลในอดีต ที่มักจะจำกัดวงเฉพาะกลุ่มคนฟังใต้ดิน วง ไอร่อน เมเด้น ได้เป็นผู้นำดนตรีเฮฟวี่เมทัล แนวที่เรียกกันว่า NWOBHMหรือ New Wave Of British Heavy Metal ซึ่งจะไม่มีอิทธิพลของดนตรีบลูส์หลงเหลืออยู่เลย แนวนั้นจะก้าวร้าวขึ้น รวดเร็วยิ่งขึ้น และได้มีอิทธิพลหลักต่อแนวเพลงย่อยของดนตรีเฮฟวี่เมทัลในเวลาต่อมา ในที่นี้รวมถึง แกลมเมทัล และ แทรชเมทัล ก็ได้เข้าสู่กระแสหลักได้ ในปัจจุบัน แนวเพลงอย่าง นูเมทัล ก็ได้ขยับขยายไปจากเฮฟวีเมทัล
-Heavy metal (มักจะพูดสั้นๆว่า Metal) เป็นประเถทเพลงร็อคที่มีการพัฒนาขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 และต้นปี 1970 ส่วนใหญ่จะเล่นอยู่ในแถบ สหราชอาณาจักรและประเทศอเมริกา ถือว่าเป็นต้นกำเนิดวัฒนธรรมของแนวนี้เลย
-เนื้อหาของแนว Heavy metal มักจะพูดถึงความเป็นลูกผู้ชาย
-heavy metal ยุคแรกๆได้แก่ Led Zeppelin, Black Sabbath และ DeepPurple เป็นต้น
-ก่อนสิ้นทศวรรษ Heavy metal ได้ดึงดูดคนฟังทั่วโลกให้มาหลงไหลในแนวนี้ แล้วถูกเรียกกันในคำว่า "metalheads"หรือ"headbangers"
-ในช่วงปี 1980 แนว glam metal กลายเป็นเครื่องหมายการค้าที่สำคัญกับกลุ่มที่ชอบวงอย่าง Motley Crue และ Poison
-ตั้งแต่กลางปี 1990 แนวดนตรีที่นิยมอย่าง nu metal แนวนี้จะรวมเอาองค์ประกอบอย่าง grunge และ hip hop และ metal core เข้าไว้ด้วยกัน และก็ขยายตัวกลายเป็น extreme metal และ hardcore punk
-เครื่องมือทั่วไปที่ใช้กันได้แก่
Electric guitar
bass guitar
drums
vocals
keyboards
*รายชื่อของวงดนตรีที่เล่นแนว heavy metal อาทิเช่น*
- AC/DC มาจาก ซิดนีย์, ออสเตรเลีย ก่อตั้งวงเมื่อปี 1973 แม้ว่าจะถูกจัดให้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม Hard Rock แต่ก็ถือว่าเป็นผู่บุกเบิกแนว heavy metal และทาง AC/DC ได้พูดไว้อย่างชัดเจนว่าแนวของพวกเขาคือ Rock n' roll
- Aerosmith มาจาก บอสตัน, อเมริกา ก่อตั้งวงเมื่อปี 1970
- Black Sabbath มาจาก เบอร์มิงแฮม, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1968
- Deep Purple มาจาก เฮิร์ทฟอร์ดเชียร์, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1968
- Kiss มาจาก นิวยอร์ค, อเมริกา ก่อตั้งวงเมื่อปี 1972
- Led Zeppelin มาจาก ลอนดอน, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1968
- Motorhead มาจาก ลอนดอน, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1977
- Scorpions มาจาก ฮันโนเวอร์, เยอรมัน ก่อตั้งวงเมื่อปี 1965
- UFO มาจาก ลอนดอน, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1969
- Uriah Heep มาจาก ลอนดอน, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1969
- Van Halen มาจาก พาสซาเดนน่า แคริฟอร์เนีย, อเมริกา ก่อตั้งวงเมื่อปี 1976
เป็นต้น
แปลจาก wiki ครับ
ความเป็นมานั้นเริ่มจาก กลุ่มศิลปินที่เดิมเล่นเพลงบลูส์ ในช่วงปี 1966 - 68 เช่น วงครีมซึ่งมี อีริค แคลปตัน เป็นมือกีตาร์และนักกีตาร์ไฟฟ้าที่ชื่อ จิมิ เฮนดริกซ์ ซึ่งใช้เครื่องช่วยขยายเสียงกีตาร์ไฟฟ้าให้มีเสียงอันดังสนั่น เกิดแนวทางใหม่ๆในการเล่นกีตาร์ไฟฟ้าของดนตรีร็อก เช่น การใช้เสียงหอนกลับ(Feedback) เสียงบิดเบือน (Distortion) หรือ เพี้ยน วงครีม มีเพลงฮิตที่ตามมาเช่น I feel free(1966) ,Sunshine of your love(1967),White room(1968) เป็นต้น โดยเฉพาะเฮ็นดริ๊กซ์นั้น เขามีการเล่นที่น่าตื่นตา เช่นการเล่นกีตาร์ด้วยฟัน เป็นต้น เพลงฮิตที่ตามมาของเขา เช่น Purple Haze(1967) , Hey Joe, The Wind Cries Mary,Voodoo Child(1968)ซึ่งเพลงเหล่านั้นนับว่าเป็นเพลงแนวฮาร์ดร็อก ยุคแรกๆ ที่ติดอันดับ Top Chart ในยุคนั้น
ต่อมาได้ข้ามาถึงฝั่งอเมริกา เมื่อดนตรีแนว ไซคเดลิค ได้เข้ามาอิทธิพลในอเมริกา วงอย่าง บลู เชียร์ ได้พัฒนาแนวดนตรีขึ้นมาอีกขั้น โดยจะมีความเป็นฮาร์ดร็อคมากยิ่ง ขึ้น ได้เปิดอัลบั้มแรกของพวกเขาในปี 1968 มีเพลงฮิตเช่น Summertimes Blues เป้นต้น ในปีเดียวกัน วง สเต็พเพ็นวูลฟ์ ได้มีเพลงฮิต ชื่อ Born to be Wild (1968)ซึ่งในเพลงนั้นมีวลีว่า Heavy Metal Thunder ซึ่งได้เอาเพลงฮุคท่อนนี้ มาใช้บัญญัติคำดนตรีแนวนี้ว่า เฮฟวี่เมทัล ในเวลาต่อมา ซึ่งทั้ง 2 วงนี้ได้นำเอาคีย์บอร์ดมาใช้ผสมกับดนตรีแนวนี้เพื่อความหนักหน่วงของดนตรีแนวนี้มากขึ้น
วง เล็ด เซ็พพลิน นับเป็นวงที่เริ่มบุกเบิกดนตรีเฮฟวี่เมทัล ยุคใหม่ เป็นที่รู้จักกันดีด้วยเสียงดนตรีอันดังสนั่น โดยพัฒนาแนวดนตรีบลูส์ของอังกฤษ ผสมกับ โฟล์ก ซึ่งพวกเขาตั้งวงกันเมื่อปี 1968 และมีเพลงฮิตในปีถัดมา ซึ่งมีเพลงแนวเฮฟวี่ร็อค อย่าง Communication Breakdown (1969) และเพลงที่หลายๆคนยกย่องกันว่าเป็นเพลงเฮฟวี่เมทัลขนานแท้ของวงนี้คือ Stairway to Heaven (1971) ซึ่งดนตรีของวงนี้มีลักษณะที่พิเศษกว่าวงฮาร์ดร็อกยุคก่อนๆคือ สไตล์การร้องเพลงของนักร้องนำคือ โรเบิร์ต แพลนท์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในการร้องแบบโหยหวนเต็มพลังอารมณ์ และ สไตล์การเล่นกีตาร์ของ จิมมี่ เพจที่ออกแนวโลดโผน เร้าใจ ซึ่งทำให้เป็นแรงบันดาลใจแก่วงเฮฟวี่ร็อครุ่นหลังๆ ต่อๆมา วง ดีพ เพอร์เพิล ซึ่งมาในรุ่นเดียวกัน ก็ปล่อยซิงเกอร์ออกมาคู่กับ วงเลด เซ็พพลิน ซึ่งวงนี้จะออกแนว ไซเคเดลิก หรือ ฮาร์ดร็อก มากกว่า ของช่วงยุคแรกๆ
วง แบล็ค แซบบาธได้ช่วยบุกเบิกดนตรีแนวนี้ในอังกฤษเมื่อปี 1970 ซึ่งพัฒนาแนวไปอีกอีกขั้นหนึ่ง โดยลักษณะเด่นของวงนี้คือ เสียงกีตาร์ที่มีลักษณะเฉพาะของ โทนี่ ไอออมมี่ ซึ่งมีโทนเสียงกีตาร์ที่ต่ำและแตกพร่า ที่เกิดจากความผิดปกติของนิ้วของเขา และเนื้อหาของดนตรีที่ออกแนวที่เกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัว ความเป็นไปของสังคมในด้านลบ และอิทธิพลของยาเสพติดในยุคนั้น และความเป็นบลูส์ในเนื้อดนตรี เริ่มลดลง พวกเขามีเพลงฮิตอย่าง Paranoid (1970) ซึ่งต่อมาวงนี้ได้รับการกล่าวขวัญว่า เป็น วงดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงหนึ่งของโลกตลอดกาล วงอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลในข้างต้นนั้นวงอื่นๆ ก็มีเช่น ยูราย ฮีพ, สกอร์เปียนส์ ,ยูเอฟโอหรือแม้กระทั่งวงอย่าง ควีน เป็นต้น วงเหล่านี้ล้วนมาจากฝั่งยุโรปทั้งสิ้น โดยในฝั่งอมริกา ก็มีวงอย่างเช่น แกรนด์ฟังก์เรลโรด ,คิส,บลูออยส์เตอร์คัลต์ เป็นต้น
ในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 จูดาส พรีสต์ ได้กระตุ้นการพัฒนาการของแนวเพลงนี้โดยละทิ้งอิทธิพลของเพลงแนวบลูส์ทิ้งไป และกระแสเฮฟวีเมทัลในสหราชอาณาจักร ก็ตามมาคล้าย ๆกัน คือรวมความรู้สึกของพังค์ร็อกเข้าไปและเพิ่มเน้นในเรื่องของความเร็วเข้าไป
วงเฮฟวีเมทัล ได้ก้าวสู่ความนิยมหลักในทศวรรษที่ 80 เมื่อมีการขยายไปของแนวเพลงย่อยเกิดขึ้น ความหลากหลายนี้ได้เพิ่มความก้าวร้าวและสุดขีดมากกว่าเมทัลในอดีต ที่มักจะจำกัดวงเฉพาะกลุ่มคนฟังใต้ดิน วง ไอร่อน เมเด้น ได้เป็นผู้นำดนตรีเฮฟวี่เมทัล แนวที่เรียกกันว่า NWOBHMหรือ New Wave Of British Heavy Metal ซึ่งจะไม่มีอิทธิพลของดนตรีบลูส์หลงเหลืออยู่เลย แนวนั้นจะก้าวร้าวขึ้น รวดเร็วยิ่งขึ้น และได้มีอิทธิพลหลักต่อแนวเพลงย่อยของดนตรีเฮฟวี่เมทัลในเวลาต่อมา ในที่นี้รวมถึง แกลมเมทัล และ แทรชเมทัล ก็ได้เข้าสู่กระแสหลักได้ ในปัจจุบัน แนวเพลงอย่าง นูเมทัล ก็ได้ขยับขยายไปจากเฮฟวีเมทัล
-Heavy metal (มักจะพูดสั้นๆว่า Metal) เป็นประเถทเพลงร็อคที่มีการพัฒนาขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 และต้นปี 1970 ส่วนใหญ่จะเล่นอยู่ในแถบ สหราชอาณาจักรและประเทศอเมริกา ถือว่าเป็นต้นกำเนิดวัฒนธรรมของแนวนี้เลย
*คัดลอกมาจากวิกิพีเดียฉบับภาษาไทย*
--------------------------------------------------
-โดยมีรากฐานมาจาก blues rock และ psychedelic rock-เนื้อหาของแนว Heavy metal มักจะพูดถึงความเป็นลูกผู้ชาย
-heavy metal ยุคแรกๆได้แก่ Led Zeppelin, Black Sabbath และ DeepPurple เป็นต้น
-ก่อนสิ้นทศวรรษ Heavy metal ได้ดึงดูดคนฟังทั่วโลกให้มาหลงไหลในแนวนี้ แล้วถูกเรียกกันในคำว่า "metalheads"หรือ"headbangers"
-ในช่วงปี 1980 แนว glam metal กลายเป็นเครื่องหมายการค้าที่สำคัญกับกลุ่มที่ชอบวงอย่าง Motley Crue และ Poison
-ตั้งแต่กลางปี 1990 แนวดนตรีที่นิยมอย่าง nu metal แนวนี้จะรวมเอาองค์ประกอบอย่าง grunge และ hip hop และ metal core เข้าไว้ด้วยกัน และก็ขยายตัวกลายเป็น extreme metal และ hardcore punk
-เครื่องมือทั่วไปที่ใช้กันได้แก่
Electric guitar
bass guitar
drums
vocals
keyboards
*รายชื่อของวงดนตรีที่เล่นแนว heavy metal อาทิเช่น*
- AC/DC มาจาก ซิดนีย์, ออสเตรเลีย ก่อตั้งวงเมื่อปี 1973 แม้ว่าจะถูกจัดให้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม Hard Rock แต่ก็ถือว่าเป็นผู่บุกเบิกแนว heavy metal และทาง AC/DC ได้พูดไว้อย่างชัดเจนว่าแนวของพวกเขาคือ Rock n' roll
- Aerosmith มาจาก บอสตัน, อเมริกา ก่อตั้งวงเมื่อปี 1970
- Black Sabbath มาจาก เบอร์มิงแฮม, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1968
- Deep Purple มาจาก เฮิร์ทฟอร์ดเชียร์, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1968
- Kiss มาจาก นิวยอร์ค, อเมริกา ก่อตั้งวงเมื่อปี 1972
- Led Zeppelin มาจาก ลอนดอน, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1968
- Motorhead มาจาก ลอนดอน, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1977
- Scorpions มาจาก ฮันโนเวอร์, เยอรมัน ก่อตั้งวงเมื่อปี 1965
- UFO มาจาก ลอนดอน, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1969
- Uriah Heep มาจาก ลอนดอน, อังกฤษ ก่อตั้งวงเมื่อปี 1969
- Van Halen มาจาก พาสซาเดนน่า แคริฟอร์เนีย, อเมริกา ก่อตั้งวงเมื่อปี 1976
เป็นต้น
แปลจาก wiki ครับ
ชีวประวัติของ Chuck Schuldiner
ชีวประวัติของ Chuck Schuldiner กับวง Death อดีตชื่อวง Mantas
มีชื่อเต็มๆว่า Charles Michael "Chuck" Schuldiner เกิดเมื่อ 13 พฤษภาคม 1967 ที่เมือง Glen Cove, New York และเสียชีวิตเมื่อ 13 ธันวาคม 2001 ด้วยโรคมะเร็งวัยเพียง 34 ปี (ช่วงชีวิตการต่อสู้กับโรคมะเร็งผมไม่แปลให้อ่านนะครับไม่ได้ขี้เกียจแต่มันยาว)
มีอาชีพ = เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และมือกีต้าร์ ชาวอเมริกัน
ตำแหน่งที่เคยเล่น = ร้องนำ กีตาร์ และเบส
Chuck ถูกเรียกว่า "The Father of Death Metal"
แนวเพลง = Death metal, progressive metal, technical death metal, heavy metal
สามารถชมเว็บของเขาได้ที่ = http://www.emptywords.org/
-Schuldiner เป็นมือกีต้าร์ นักร้อง นักแต่งเพลง ก่อตั้งวงครั้งแรกเมื่อปี 1983 ในนามว่า Mantas เขาถูกเรียกว่าเป็น บิดาแห่งวงการเด็ทเมทัล
Kerrang! magazine ของสหราชอาณาจักรหรือ UK กว่าวว่า "Chuck Schuldiner เป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมทัล" ทางด้าน Schuldiner เองก็ถ่อมตัวกับการให้ข่าวว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เด็ทเมทัล เขาพดว่า "ผมไม่คิดว่าผมจะมีส่วนสำคัญในวงกานเด็ทเมทัลนี้ ผมก็เป็นเพียงคนที่แต่งตัวแปลกประหลาดกว่าวงอื่นๆ"
Schuldiner ถูกจัดอันดับให้อยู่อันดับที่ 10 ในหนังสือ Joel Mclver's book "The 100 Greatest Metal Guitarists" หนังสือในปี 2009 และหนังสือ Guitar World's "The 100 Greatest Metal Guitarists" ฉบับที่ 20 มี.ค. 2004 เช่นกัน
-Schuldiner เกิดจากพ่อชาวยิวเชื้อสายออสเตรียและแม่จากประเทศอเมริกาตอนใต้ พ่อและแม่ของเขาเป็นครู ในปี 1968 หลังจาก Schuldiner เกิดปีเดียว ครอบครัวก็ได้ย้ายไปฟลอลิดา Schuldiner เป็นบุตรคนสุดท้อง เนวมีพี่ชายชื่อ Frank และพี่สาวชื่อ Bethann
-Schuldiner เริ่มเล่นกีตาร์เมื่ออายุ 9 ขวบ เมื่อครั้งอายุ 16 ปี พี่ชายของเขาก็เสียชีวิต(อันนี้ไม่รู้แปลผิดไหมนะขออภัยด้ยเน้อพี่น้อง) พ่อและแม่ของเขาเลยซื้อกีตาร์ให้เขาเล่นเพื่อดับความเศร้าโศกในใจเขา หลังจากที่เขามีกีตาร์และแอมป์ เขาก็ทุ่มเทกับการเล่นและฝึกผนการเขียนเพลงอย่างไม่ลดละ เขามักจะใช้โรงรถหรือห้องส่วนตัวของเขาเล่นกีตาร์ แต่ถูกจำกัดเรื่องเวลาให้เล่นได้เพียง 3 ชม. ในวันธรรมดา เพราะเขาต้องรีบพักผ่อนเพื่อไปเรียนไปวันถัดไป
-Schuldiner ได้แรงบันดาลใจมาจาก Iron Maiden, Kiss and Billy Idol
-NWOBHM หรือ New Wave of British Heavy Metal เป็นแนวที่เขาชื่นชอบอีกแนวหนึ่ง เขามักพูดว่าวง Sortil?ge ที่ร้องเป็นภาษาฝรั่งเศษ เป็นกลุ่มเมทัลที่เขาชื่นชอบแบบส่วนตัว หลังจากนั้นวงดนตรีอย่าง Slayer, Possessed, Mercyful Fate/King Diamond and Metallica มีอิทธิพลต่อตัวเขามาก เขามักจะใช้แนวดนตรีของวงเหล่านี้มาปรับใช้กับวงของตนเอง
-Schuldiner มักพูดว่าเขามีความสุขกับเพลงทุกรูปแบบ ยกเว้นเพลงแร็พ นอกจากนี้เขายังชอบเพลงแนว แจ๊สและคลาสสิกอย่างเห็นได้ชัด นอกเหนือจาก เมทัล
-Schuldiner เป็นคนเรียนดี แต่เขาเบื่อการเรียนก็เลยออกจากโรงเรียน ภายหลังเขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในครั้นั้น เขาพูดว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นนักดนตรีก็ก็จะเลือกเป็นสัตวแพทย์หรือเชฟ
อาชีพดนตรี
Schuldiner ก่อตั้งวงแห่งความตายที่ชื่อว่า Mantas ในปี 1983 ตอนอายุ 16 ปี สมาชิกเดิมได้แก่
Schuldiner (กีตาร์)
Rick Rozz (กีตาร์)
Kam Lee (กลองและนักร้อง)
ในปี 1986 Schuldiner ได้ย้ายไปอยู่ที่ โตรอนโตชั้วคราวและได้เล่นร่วมกับวง Slaughter วงจาก แคนนาดาในระยะเวลาสั้นๆ
-ในปี 1987 วงก็ได้ออกอัลบั้มแรกในชื่อวงใหม่ว่า Death และชื่ออัลบั้มว่า Scream Bloody Gore ในแนวเพลง Death metal กับค่าย Combat และ Schuldiner ก็เป็น Producer คู่กับ Randy Burns ในอัลบั้มนี้ด้วย ชุดนี้ Schuldiner เล่นเองเกือบทั้งหมดยกเว้นกลองที่อัดโดย Chris Reifert
-ปี 1988 กับอัลบั้ม 2 ในชื่อ Leprosy ในแนวเพลง Death metal และยังคงอยู่กับค่าย Combat เช่นเดิมแต่ชุดนี้ Schuldiner เป็น Producer คู่กับ Dan Johnson มีการเปลี่ยนและเพิ่มสมาชิก Schuldiner ยังคงเล่นทุกตำแห่งเช่นเดิม แต่มีการเพิ่ม Rick Rozz มือกีตาร์ยุคก่อตั้งมาเล่นไลน์กีตาร์เพิ่ม มี Terry Butler มาเล่นเบส และ Bill Andrews มาเล่นกลอง
-ปี 1989 ออกชุด 3 ชื่อว่า Spiritual Healing ค่ายเดิมแนวเดิมแต่มีกลิ่นของ Technical death metal เข้ามาปนเปในอัลบั้มนี้ด้วย Schuldinerลดหน้าที่ลงเหลือเล่นกีตาร์และร้องนำ James Murphy เล่นกีตาร์ Terry Butler เล่นเบส Bill Andrews เล่นกลอง
-ปี 1991 ออกชุด 4 ชื่อว่า Human ได้มีกายย้ายสังกัดไปอยู่กับ Relativity, Relapse Records Schuldiner เป็น Producer คู่กับ Scott Burns ยังคงเล่นแนว Technical death metal และ death metal จากชุดที่ 3 และแตกไลน์แนวเพลงเพิ่มโดยเล่นแนว progressive metal ด้วยในชุดนี้ มี Schuldiner ร้องและเล่นกีตาร์ Paul Masvidal เล่นกีตาร์ Steve DiGiorgio เล่นเบส Sean Reinert เล่นกลอง
**ชุดนี้ได้มีการทำขึ้นมาจำหน่ายใหม่ในปี 2011 โดยแผ่นแรกเป็น 9 เพลงจากชุดนี้ และ แผ่น 2กับ3 เป็นเสียงของเครื่องดนตรีต่างๆ ที่อัดในสตูดิโอ 2 แผ่น รวม 40 เพลง**
- ปี 1993 ออกชุดที่ 5 ชื่อว่า Individual Thought Patterns กับค่ายเดิมจากชุด 4 ชุดนี้ลดความรุนแรงลงด้วยการเล่นแค่แนว Technical death metal และ progressive metal ส่วน Scott Burns ยังคงเป็น Producer คู่กับ Schuldiner เช่นเดิม
Schuldiner ตำแหน่ง ร้องนำ กีตาร์ / Andy LaRocque กีตาร์ / Steve DiGiorgio เบส / Gene Hoglan กลอง
**ชุดนี้ติดอันดับที่ 30 ของบิลล์บอร์ดชาร์ทของอเมริกาเหนือด้วย**
- ปี 1995 กับชุดที่ 6 ชื่อ Symbolic กับค่ายใหม่ ที่ทุกท่านคุ้นชื่อกัน กับค่าย Roadrunner ชุดนี้เล่นแนวเดิมจากชุดที่ 5 มี Jim Morris เป็น Producer คู่กับ Schuldiner
Schuldiner ร้องนำ กีตาร์ / Bobby Koelble กีตาร์ / Gene Hoglan กลอง / Kelly Conlon เบส แทรกที่ 1-9 / Steve DiGiorgio เบสในแทรกที่ 10-13
**ชุดนี้รีมาสเตอร์ใหม่ในปี 2008 เพิ่ม 5 เพลงจากเดิม 9 เพลงเป็น 14 เพลง**
- ปี 1998 กับอัลบั้มที่ 7 ชื่อว่า The Sound of Perseverance ชุดนี้เล่นแนว progressive death metal กับชายคาใหม่ที่โคตรคุ้นหูกับค่าย Nuclear Blast Jim Morris เป็น Producer คู่กับ Schuldiner เช่นเดิม
Schuldiner ร้องนำ กีตาร์ / Shannon Hamm กีตาร์ลีดและริธึ่ม / Scott Clendenin เบส / Richard Christy กลองและเพอร์คัสชั่น
- Control Denied คือชื่อวงดนตรีที่ Schuldiner ไม่ได้ร้องนำ แต่เล่น กีตาร์โซโล่และริธึ่มแทน
ปี 1999 ได้ออกอัลบั้มออกมาในชื่อชุด The Fragile Art of Existence ในแนวเพลง Progressive metal, heavy metal, power metal กับ สังกัดเดิม Nuclear Blast
Tim Aymar ร้องนำ / Chuck Schuldiner กีตาร์ลีดและริธึ่ม / Shannon Hamm กีตาร์ลีดและริธึ่ม / Steve DiGiorgio เบส / Richard Christy
กลอง
**ชุดนี้เป็นชุดแรกในนาม Control Denied ถูกปล่อยไปทั่วอเมริกาในนามค่าย Nuclear Blast เมื่อปี 1999 และ Metal Mind Productions นำกลับมาผลิตใหม่ในวันที่ 15 เม.ย. 2008 (และในวันที่ 11 ก.พ. 2008 ในแถบทวีปยุโรป) ปล่อยออกมาในรูปแบบ Limited เพียง 2,000 ชุด เป็นแบบมาสเตอร์ดิจิตอลโดยใช้กระบวนการ 24-bit แบบแผ่นทอง และยังนำกลับมาทำใหม่อีกครั้งในปี 2010 โดย Relapse Records มี 2 แผ่น และบวกอีก 3 แผ่น มำออกมาจำหน่ายเพียง 1,000 ชุด**
- When Man and Machine Collide คือชื่อชุดที่ 2 ในนาม Control Denied ที่มาในแนว Progressive metal และเปลี่ยนต้นสังกัดเป็น Relapse Records ออกเมื่อปี 2011 ทำขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบปีที่สิบของการตายของมือกีตาร์และนักร้องนาม ChuckSchuldiner
Tim Aymar ร้องนำ / Chuck Schuldiner กีตาร์ลีดและริธึ่ม *งงละสิทำไมมี Schuldiner ในตำแหน่งกีตาร์ด้วย จะบอกว่าผมก็งงเหมือนกัน*/ Shannon Hamm กีตาร์ลีดและริธึ่ม / Steve DiGiorgio เบส / Richard Christy กลอง
- ปี 2004 กับชุดที่ชื่อว่า Zero Tolerance เป็นอัลบั้มที่ออกโดย Karmageddon Media ภายใต้ชื่อ Chuck Schuldiner อัลบั้มนี้ประกอบด้วย demo tracks ของวง Control Denied และวง Death และการบันทึกสด
แผ่น 1
เพลงที่ 1-4 เป็นเดโมของวง Control Denied
เพลงที่ 5-7 เป็นเดโมของวง Death ชื่อชุดว่า Infernal Death ออกเมื่อปี 1985
เพลงที่ 8-10 เป็นเพลงจาดชุดเดโมของวง Death ชื่อชุดว่า Mutilation ออกเมื่อปี 1986
แผ่น 2
เพลงที่ 1-5 เป็นเดโมของวง Death ที่ร้องเมื่อปี 1984
เพลงที่ 6-11 เป็นเดโมของวง Death ชื่อชุดว่า Reign of Terror ออกเมื่อปี 1985
เพลงที่ 12-19 บันทึกการแสดงสดที่ the After Dark Club ที่เท็กซัส ในปี 1990
-อุปกรณ์ต่างๆที่ Schuldiner ใด้เลือก ไม่แปล(ออกแนวขี้เกียจซะงัน 555)
เอาเป็นว่าตลอดอาชีพนักดนตรีของเขา เขาใช้ B.C. Rich Stealth แต่ก่อนที่ใช้รุ่นนี้เขาใช้ BC Rich Mockingbird มาก่อน แอมป์ที่ใช้คือ Marshall Valvestate (Model 8100) head and Valvestate 4x12
-สไตล์การร้อง ในวง Death Schuldiner ใช้เสียงในรูปแบบที่เรียกว่า growls ร้องในแบบนี้จนถึงอัลบั้มชุดสุดท้าย สไตล์เสียงของเขาเป็นอิทธิพลให้กับวง death metal เป็นจำนวนมาก
**จบแล้วคร้าบนี่ขนาดย่อนะเนี่ย เหนื่อยสาด อ่านแล้วงง ต้องขออภัยด้วยนะครับผม แปลเองด้วยความรู้อันน้อยนิดของผม แล้วจะแปลมาให้อ่านใหม่**
แปลจาก WIKI ครับ
มีชื่อเต็มๆว่า Charles Michael "Chuck" Schuldiner เกิดเมื่อ 13 พฤษภาคม 1967 ที่เมือง Glen Cove, New York และเสียชีวิตเมื่อ 13 ธันวาคม 2001 ด้วยโรคมะเร็งวัยเพียง 34 ปี (ช่วงชีวิตการต่อสู้กับโรคมะเร็งผมไม่แปลให้อ่านนะครับไม่ได้ขี้เกียจแต่มันยาว)
มีอาชีพ = เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และมือกีต้าร์ ชาวอเมริกัน
ตำแหน่งที่เคยเล่น = ร้องนำ กีตาร์ และเบส
Chuck ถูกเรียกว่า "The Father of Death Metal"
แนวเพลง = Death metal, progressive metal, technical death metal, heavy metal
สามารถชมเว็บของเขาได้ที่ = http://www.emptywords.org/
-Schuldiner เป็นมือกีต้าร์ นักร้อง นักแต่งเพลง ก่อตั้งวงครั้งแรกเมื่อปี 1983 ในนามว่า Mantas เขาถูกเรียกว่าเป็น บิดาแห่งวงการเด็ทเมทัล
Kerrang! magazine ของสหราชอาณาจักรหรือ UK กว่าวว่า "Chuck Schuldiner เป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมทัล" ทางด้าน Schuldiner เองก็ถ่อมตัวกับการให้ข่าวว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เด็ทเมทัล เขาพดว่า "ผมไม่คิดว่าผมจะมีส่วนสำคัญในวงกานเด็ทเมทัลนี้ ผมก็เป็นเพียงคนที่แต่งตัวแปลกประหลาดกว่าวงอื่นๆ"
Schuldiner ถูกจัดอันดับให้อยู่อันดับที่ 10 ในหนังสือ Joel Mclver's book "The 100 Greatest Metal Guitarists" หนังสือในปี 2009 และหนังสือ Guitar World's "The 100 Greatest Metal Guitarists" ฉบับที่ 20 มี.ค. 2004 เช่นกัน
-Schuldiner เกิดจากพ่อชาวยิวเชื้อสายออสเตรียและแม่จากประเทศอเมริกาตอนใต้ พ่อและแม่ของเขาเป็นครู ในปี 1968 หลังจาก Schuldiner เกิดปีเดียว ครอบครัวก็ได้ย้ายไปฟลอลิดา Schuldiner เป็นบุตรคนสุดท้อง เนวมีพี่ชายชื่อ Frank และพี่สาวชื่อ Bethann
-Schuldiner เริ่มเล่นกีตาร์เมื่ออายุ 9 ขวบ เมื่อครั้งอายุ 16 ปี พี่ชายของเขาก็เสียชีวิต(อันนี้ไม่รู้แปลผิดไหมนะขออภัยด้ยเน้อพี่น้อง) พ่อและแม่ของเขาเลยซื้อกีตาร์ให้เขาเล่นเพื่อดับความเศร้าโศกในใจเขา หลังจากที่เขามีกีตาร์และแอมป์ เขาก็ทุ่มเทกับการเล่นและฝึกผนการเขียนเพลงอย่างไม่ลดละ เขามักจะใช้โรงรถหรือห้องส่วนตัวของเขาเล่นกีตาร์ แต่ถูกจำกัดเรื่องเวลาให้เล่นได้เพียง 3 ชม. ในวันธรรมดา เพราะเขาต้องรีบพักผ่อนเพื่อไปเรียนไปวันถัดไป
-Schuldiner ได้แรงบันดาลใจมาจาก Iron Maiden, Kiss and Billy Idol
-NWOBHM หรือ New Wave of British Heavy Metal เป็นแนวที่เขาชื่นชอบอีกแนวหนึ่ง เขามักพูดว่าวง Sortil?ge ที่ร้องเป็นภาษาฝรั่งเศษ เป็นกลุ่มเมทัลที่เขาชื่นชอบแบบส่วนตัว หลังจากนั้นวงดนตรีอย่าง Slayer, Possessed, Mercyful Fate/King Diamond and Metallica มีอิทธิพลต่อตัวเขามาก เขามักจะใช้แนวดนตรีของวงเหล่านี้มาปรับใช้กับวงของตนเอง
-Schuldiner มักพูดว่าเขามีความสุขกับเพลงทุกรูปแบบ ยกเว้นเพลงแร็พ นอกจากนี้เขายังชอบเพลงแนว แจ๊สและคลาสสิกอย่างเห็นได้ชัด นอกเหนือจาก เมทัล
-Schuldiner เป็นคนเรียนดี แต่เขาเบื่อการเรียนก็เลยออกจากโรงเรียน ภายหลังเขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในครั้นั้น เขาพูดว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นนักดนตรีก็ก็จะเลือกเป็นสัตวแพทย์หรือเชฟ
อาชีพดนตรี
Schuldiner ก่อตั้งวงแห่งความตายที่ชื่อว่า Mantas ในปี 1983 ตอนอายุ 16 ปี สมาชิกเดิมได้แก่
Schuldiner (กีตาร์)
Rick Rozz (กีตาร์)
Kam Lee (กลองและนักร้อง)
ในปี 1986 Schuldiner ได้ย้ายไปอยู่ที่ โตรอนโตชั้วคราวและได้เล่นร่วมกับวง Slaughter วงจาก แคนนาดาในระยะเวลาสั้นๆ
-ในปี 1987 วงก็ได้ออกอัลบั้มแรกในชื่อวงใหม่ว่า Death และชื่ออัลบั้มว่า Scream Bloody Gore ในแนวเพลง Death metal กับค่าย Combat และ Schuldiner ก็เป็น Producer คู่กับ Randy Burns ในอัลบั้มนี้ด้วย ชุดนี้ Schuldiner เล่นเองเกือบทั้งหมดยกเว้นกลองที่อัดโดย Chris Reifert
-ปี 1988 กับอัลบั้ม 2 ในชื่อ Leprosy ในแนวเพลง Death metal และยังคงอยู่กับค่าย Combat เช่นเดิมแต่ชุดนี้ Schuldiner เป็น Producer คู่กับ Dan Johnson มีการเปลี่ยนและเพิ่มสมาชิก Schuldiner ยังคงเล่นทุกตำแห่งเช่นเดิม แต่มีการเพิ่ม Rick Rozz มือกีตาร์ยุคก่อตั้งมาเล่นไลน์กีตาร์เพิ่ม มี Terry Butler มาเล่นเบส และ Bill Andrews มาเล่นกลอง
-ปี 1989 ออกชุด 3 ชื่อว่า Spiritual Healing ค่ายเดิมแนวเดิมแต่มีกลิ่นของ Technical death metal เข้ามาปนเปในอัลบั้มนี้ด้วย Schuldinerลดหน้าที่ลงเหลือเล่นกีตาร์และร้องนำ James Murphy เล่นกีตาร์ Terry Butler เล่นเบส Bill Andrews เล่นกลอง
-ปี 1991 ออกชุด 4 ชื่อว่า Human ได้มีกายย้ายสังกัดไปอยู่กับ Relativity, Relapse Records Schuldiner เป็น Producer คู่กับ Scott Burns ยังคงเล่นแนว Technical death metal และ death metal จากชุดที่ 3 และแตกไลน์แนวเพลงเพิ่มโดยเล่นแนว progressive metal ด้วยในชุดนี้ มี Schuldiner ร้องและเล่นกีตาร์ Paul Masvidal เล่นกีตาร์ Steve DiGiorgio เล่นเบส Sean Reinert เล่นกลอง
**ชุดนี้ได้มีการทำขึ้นมาจำหน่ายใหม่ในปี 2011 โดยแผ่นแรกเป็น 9 เพลงจากชุดนี้ และ แผ่น 2กับ3 เป็นเสียงของเครื่องดนตรีต่างๆ ที่อัดในสตูดิโอ 2 แผ่น รวม 40 เพลง**
- ปี 1993 ออกชุดที่ 5 ชื่อว่า Individual Thought Patterns กับค่ายเดิมจากชุด 4 ชุดนี้ลดความรุนแรงลงด้วยการเล่นแค่แนว Technical death metal และ progressive metal ส่วน Scott Burns ยังคงเป็น Producer คู่กับ Schuldiner เช่นเดิม
Schuldiner ตำแหน่ง ร้องนำ กีตาร์ / Andy LaRocque กีตาร์ / Steve DiGiorgio เบส / Gene Hoglan กลอง
**ชุดนี้ติดอันดับที่ 30 ของบิลล์บอร์ดชาร์ทของอเมริกาเหนือด้วย**
- ปี 1995 กับชุดที่ 6 ชื่อ Symbolic กับค่ายใหม่ ที่ทุกท่านคุ้นชื่อกัน กับค่าย Roadrunner ชุดนี้เล่นแนวเดิมจากชุดที่ 5 มี Jim Morris เป็น Producer คู่กับ Schuldiner
Schuldiner ร้องนำ กีตาร์ / Bobby Koelble กีตาร์ / Gene Hoglan กลอง / Kelly Conlon เบส แทรกที่ 1-9 / Steve DiGiorgio เบสในแทรกที่ 10-13
**ชุดนี้รีมาสเตอร์ใหม่ในปี 2008 เพิ่ม 5 เพลงจากเดิม 9 เพลงเป็น 14 เพลง**
- ปี 1998 กับอัลบั้มที่ 7 ชื่อว่า The Sound of Perseverance ชุดนี้เล่นแนว progressive death metal กับชายคาใหม่ที่โคตรคุ้นหูกับค่าย Nuclear Blast Jim Morris เป็น Producer คู่กับ Schuldiner เช่นเดิม
Schuldiner ร้องนำ กีตาร์ / Shannon Hamm กีตาร์ลีดและริธึ่ม / Scott Clendenin เบส / Richard Christy กลองและเพอร์คัสชั่น
- Control Denied คือชื่อวงดนตรีที่ Schuldiner ไม่ได้ร้องนำ แต่เล่น กีตาร์โซโล่และริธึ่มแทน
ปี 1999 ได้ออกอัลบั้มออกมาในชื่อชุด The Fragile Art of Existence ในแนวเพลง Progressive metal, heavy metal, power metal กับ สังกัดเดิม Nuclear Blast
Tim Aymar ร้องนำ / Chuck Schuldiner กีตาร์ลีดและริธึ่ม / Shannon Hamm กีตาร์ลีดและริธึ่ม / Steve DiGiorgio เบส / Richard Christy
กลอง
**ชุดนี้เป็นชุดแรกในนาม Control Denied ถูกปล่อยไปทั่วอเมริกาในนามค่าย Nuclear Blast เมื่อปี 1999 และ Metal Mind Productions นำกลับมาผลิตใหม่ในวันที่ 15 เม.ย. 2008 (และในวันที่ 11 ก.พ. 2008 ในแถบทวีปยุโรป) ปล่อยออกมาในรูปแบบ Limited เพียง 2,000 ชุด เป็นแบบมาสเตอร์ดิจิตอลโดยใช้กระบวนการ 24-bit แบบแผ่นทอง และยังนำกลับมาทำใหม่อีกครั้งในปี 2010 โดย Relapse Records มี 2 แผ่น และบวกอีก 3 แผ่น มำออกมาจำหน่ายเพียง 1,000 ชุด**
- When Man and Machine Collide คือชื่อชุดที่ 2 ในนาม Control Denied ที่มาในแนว Progressive metal และเปลี่ยนต้นสังกัดเป็น Relapse Records ออกเมื่อปี 2011 ทำขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบปีที่สิบของการตายของมือกีตาร์และนักร้องนาม ChuckSchuldiner
Tim Aymar ร้องนำ / Chuck Schuldiner กีตาร์ลีดและริธึ่ม *งงละสิทำไมมี Schuldiner ในตำแหน่งกีตาร์ด้วย จะบอกว่าผมก็งงเหมือนกัน*/ Shannon Hamm กีตาร์ลีดและริธึ่ม / Steve DiGiorgio เบส / Richard Christy กลอง
- ปี 2004 กับชุดที่ชื่อว่า Zero Tolerance เป็นอัลบั้มที่ออกโดย Karmageddon Media ภายใต้ชื่อ Chuck Schuldiner อัลบั้มนี้ประกอบด้วย demo tracks ของวง Control Denied และวง Death และการบันทึกสด
แผ่น 1
เพลงที่ 1-4 เป็นเดโมของวง Control Denied
เพลงที่ 5-7 เป็นเดโมของวง Death ชื่อชุดว่า Infernal Death ออกเมื่อปี 1985
เพลงที่ 8-10 เป็นเพลงจาดชุดเดโมของวง Death ชื่อชุดว่า Mutilation ออกเมื่อปี 1986
แผ่น 2
เพลงที่ 1-5 เป็นเดโมของวง Death ที่ร้องเมื่อปี 1984
เพลงที่ 6-11 เป็นเดโมของวง Death ชื่อชุดว่า Reign of Terror ออกเมื่อปี 1985
เพลงที่ 12-19 บันทึกการแสดงสดที่ the After Dark Club ที่เท็กซัส ในปี 1990
-อุปกรณ์ต่างๆที่ Schuldiner ใด้เลือก ไม่แปล(ออกแนวขี้เกียจซะงัน 555)
เอาเป็นว่าตลอดอาชีพนักดนตรีของเขา เขาใช้ B.C. Rich Stealth แต่ก่อนที่ใช้รุ่นนี้เขาใช้ BC Rich Mockingbird มาก่อน แอมป์ที่ใช้คือ Marshall Valvestate (Model 8100) head and Valvestate 4x12
-สไตล์การร้อง ในวง Death Schuldiner ใช้เสียงในรูปแบบที่เรียกว่า growls ร้องในแบบนี้จนถึงอัลบั้มชุดสุดท้าย สไตล์เสียงของเขาเป็นอิทธิพลให้กับวง death metal เป็นจำนวนมาก
**จบแล้วคร้าบนี่ขนาดย่อนะเนี่ย เหนื่อยสาด อ่านแล้วงง ต้องขออภัยด้วยนะครับผม แปลเองด้วยความรู้อันน้อยนิดของผม แล้วจะแปลมาให้อ่านใหม่**
แปลจาก WIKI ครับ
ประวัติสั้นๆของวง Mayhem
ประวัติสั้นๆของวง Mayhem
ถิ่นกำเนิด - เมือง Oslo ประเทศ Norway
แนวเพลง - Black metal
ปีที่ก่อตั้ง - ค.ศ.1984
Website - http://www.thetruemayhem.com/
-สมาชิกปัจจุบัน-
Necrobutcher – เบสส์ (1984–1991, 1995–ปัจจุบัน)
Hellhammer – กลอง, เครื่องเคาะ (1988–1993, 1995–ปัจจุบัน)
Attila Csihar – ร้องนำ (1992–1993, 2004–ปัจจุบัน)
Morfeus – กีตาร์ (2008–ปัจจุบัน)
Teloch – กีตาร์ (2011–ปัจจุบัน)
-อดีตสมาชิก-
Euronymous (เสียชีวิตแล้ว) – กีตาร์ (1984–1993), ร้องนำ (1984–1986)
Manheim – กลอง, เครื่องเคาะ (1984–1988)
Messiah – ร้องนำ (1986)
Maniac – ร้องนำ (1986–1988, 1995–2004)
Torben Grue – กลอง, เครื่องเคาะ (1988)
Kittil Kittilsen – ร้องนำ (1988)
Dead (เสียชีวิตแล้ว) – ร้องนำ (1988–1991)
Occultus – ร้องนำ, เบสส์ (1991)
Count Grishnackh – เบสส์ (1992–1993)
Blackthorn – กีตาร์ (1992–1993)
Nordgaren – กีตาร์ (1997–1998)
Blasphemer – กีตาร์, เบสส์ (1995–2008)
Silmaeth – กีตาร์ (2009–2011)
อัลบั้มที่เคยออกมา
ในรูปแบบ Studio
1987 - Deathcrush ออกกับค่าย Posercorpse เพียง 1000 แผ่น
reissue ใหม่ในปี 1993 กับค่าย Deathlike Silence
1994 - De Mysteriis Dom Sathanas ออกกับค่าย Deathlike Silence และ Century Black
1997 - Wolf's Lair Abyss ออกกับค่าย Misanthropy Records
2000 - Grand Declaration of War ออกกับค่าย Season of Mist และ Necropolis Records
2004 - Chimera ออกกับค่าย Season of Mist
ชุดนี้ติดชาร์ต Norwegian Albums Chart ในอันดับที่ 28 ด้วย
2007 - Ordo Ad Chao ออกกับค่าย Season of Mist
ชุดนี้ติดชาร์ต Norwegian Albums Chart ในอันดับที่ 12 ด้วย
Live อลับั้ม
1993 - Live in Leipzig ออกกับค่าย Obscure Plasma Records และ Avantgarde Records
ชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 26 November 1990 แต่วางจำหน่ายปี 1993
1995 - Dawn of the Black Hearts ออกกับค่าย Warmaster Records
ชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 28 February 1990 แต่วางจำหน่ายปี 1995
1999 - Mediolanum Capta Est ออกกับค่าย Avant Garde
ชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 2 November 1998 แต่วางจำหน่ายวันที่ 7 December 1999
2001 - Live In Marseille ออกกับค่าย Black Metal Records
ชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 24 September 2000 แต่วางจำหน่ายวันที่ 16 June 2001
ชุด Compilation
2001 - European Legions and U.S. Legions
2002 - The Studio Experience
2003 - Legions of War
ในรูปแบบ Videography
1998 - Live In Bischofswerda
2001 - Live In Marseille 2000
2002 - Mayhem - Cult of Aggression
2008 - Pure Fucking Mayhem
คร่าวๆ
-แรงบันดาลใจของวง Mayhem ได้แก่ Venom, Slayer, Mot?rhead และ Celtic Frost
-ก่อตั้งวงโดย 3 สมาชิกรุ่นแรก มือกีต้าร์/นักร้อง นาม ?ystein Aarseth หรือที่รู้จักกันในชื่อ Euronymous(เสียชีวิตแล้ว)
มือเบส นาม J?rn Stubberud หรือที่รู้จักกันในชื่อ Necrobutcher(อยู่ในชดปัจจุบัน 2011)
และมือกลอง นาม Kjetil Manheim หรือที่รู้จักกันในชื่อ Manheim(ออกจากวงไปเมื่อปี 1988)
-ชื่อวงตั้งมาจากเพลงของวง Venom ในเพลงที่ชื่อว่า "Mayhem with Mercy"
แปลจาก WIKI ครับ
ถิ่นกำเนิด - เมือง Oslo ประเทศ Norway
แนวเพลง - Black metal
ปีที่ก่อตั้ง - ค.ศ.1984
Website - http://www.thetruemayhem.com/
-สมาชิกปัจจุบัน-
Necrobutcher – เบสส์ (1984–1991, 1995–ปัจจุบัน)
Hellhammer – กลอง, เครื่องเคาะ (1988–1993, 1995–ปัจจุบัน)
Attila Csihar – ร้องนำ (1992–1993, 2004–ปัจจุบัน)
Morfeus – กีตาร์ (2008–ปัจจุบัน)
Teloch – กีตาร์ (2011–ปัจจุบัน)
-อดีตสมาชิก-
Euronymous (เสียชีวิตแล้ว) – กีตาร์ (1984–1993), ร้องนำ (1984–1986)
Manheim – กลอง, เครื่องเคาะ (1984–1988)
Messiah – ร้องนำ (1986)
Maniac – ร้องนำ (1986–1988, 1995–2004)
Torben Grue – กลอง, เครื่องเคาะ (1988)
Kittil Kittilsen – ร้องนำ (1988)
Dead (เสียชีวิตแล้ว) – ร้องนำ (1988–1991)
Occultus – ร้องนำ, เบสส์ (1991)
Count Grishnackh – เบสส์ (1992–1993)
Blackthorn – กีตาร์ (1992–1993)
Nordgaren – กีตาร์ (1997–1998)
Blasphemer – กีตาร์, เบสส์ (1995–2008)
Silmaeth – กีตาร์ (2009–2011)
อัลบั้มที่เคยออกมา
ในรูปแบบ Studio
1987 - Deathcrush ออกกับค่าย Posercorpse เพียง 1000 แผ่น
reissue ใหม่ในปี 1993 กับค่าย Deathlike Silence
1994 - De Mysteriis Dom Sathanas ออกกับค่าย Deathlike Silence และ Century Black
1997 - Wolf's Lair Abyss ออกกับค่าย Misanthropy Records
2000 - Grand Declaration of War ออกกับค่าย Season of Mist และ Necropolis Records
2004 - Chimera ออกกับค่าย Season of Mist
ชุดนี้ติดชาร์ต Norwegian Albums Chart ในอันดับที่ 28 ด้วย
2007 - Ordo Ad Chao ออกกับค่าย Season of Mist
ชุดนี้ติดชาร์ต Norwegian Albums Chart ในอันดับที่ 12 ด้วย
Live อลับั้ม
1993 - Live in Leipzig ออกกับค่าย Obscure Plasma Records และ Avantgarde Records
ชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 26 November 1990 แต่วางจำหน่ายปี 1993
1995 - Dawn of the Black Hearts ออกกับค่าย Warmaster Records
ชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 28 February 1990 แต่วางจำหน่ายปี 1995
1999 - Mediolanum Capta Est ออกกับค่าย Avant Garde
ชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 2 November 1998 แต่วางจำหน่ายวันที่ 7 December 1999
2001 - Live In Marseille ออกกับค่าย Black Metal Records
ชุดนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อ 24 September 2000 แต่วางจำหน่ายวันที่ 16 June 2001
ชุด Compilation
2001 - European Legions and U.S. Legions
2002 - The Studio Experience
2003 - Legions of War
ในรูปแบบ Videography
1998 - Live In Bischofswerda
2001 - Live In Marseille 2000
2002 - Mayhem - Cult of Aggression
2008 - Pure Fucking Mayhem
คร่าวๆ
-แรงบันดาลใจของวง Mayhem ได้แก่ Venom, Slayer, Mot?rhead และ Celtic Frost
-ก่อตั้งวงโดย 3 สมาชิกรุ่นแรก มือกีต้าร์/นักร้อง นาม ?ystein Aarseth หรือที่รู้จักกันในชื่อ Euronymous(เสียชีวิตแล้ว)
มือเบส นาม J?rn Stubberud หรือที่รู้จักกันในชื่อ Necrobutcher(อยู่ในชดปัจจุบัน 2011)
และมือกลอง นาม Kjetil Manheim หรือที่รู้จักกันในชื่อ Manheim(ออกจากวงไปเมื่อปี 1988)
-ชื่อวงตั้งมาจากเพลงของวง Venom ในเพลงที่ชื่อว่า "Mayhem with Mercy"
แปลจาก WIKI ครับ
ประวัติแนว Death metal
ประวัติแนว Death metal
Death metal มีความรุนแรงสุดขีดที่ต่อยอดมาจาก heavy metal โดยมีการเล่นกีตาร์ที่หนักหน่วงขึ้น ร้องแบบ deep growling ตีกลองเหมือนจะระเบิดกลอง(แนวรุนแรง) จังหวะต่างๆมีการสร้างให้ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปหลายจังหวะ
จุดกำเนิดของแนวเพลงอย่าง thrash metal และ early blackmetal และ deathmetal เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980 มีหลายวงที่เล่นแนว metal เช่น Slayer, Kreator, Celtic Frost และ Venom วงเหล่านี้มีอิทธิพลมากในแนวเพลงประเภทนี้ เป็นวงผู้บุกเบิกวงดนตรีแห่งความตายคือ Chuck Schuldiner เรียกได้ว่าเขาคือบิดาแห่งวงการ Death metal เลยก็ว่าได้ (*เดี๋ยวประวัติของ Chuck Schuldiner บิดาแห่งวงการ Death metal ผมจะเรียบเรียงมาลงอีกทีครับ)
วงดนตรีเช่น Possessed, Obituary, Carcass, Deicide, Suffocation และ Morbid Angel ถือได้ว่าเป็นวงบุกเบิกในช่วงในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และ 1990
Death metal ได้รับความสนใจมากขึ้น ค่ายอย่าง niche record, Earache และ Roadrunner ได้ปล่อยอัลบั้มแนวเพลง Death metal ออกมาอย่างต่อเนื่อง
การเลือกใช้อุปกรณ์มักจะใช้มือกีตาร์ 2 คน มือเบส 1 คน กลอง 1 คน และร้องนำ 1 คน
แม้ว่าจะตั้งค่ามาตรฐานการเล่นไว้อย่างตายตัวแต่บางครั้งก็จะมีเครื่องมืออย่าง keyboards เข้ามาเป็นส่วนเสริมเล็กๆน้อยๆด้วยในบางเพลง
Death metal เป็นที่รู้จักในการเล่นจังหวะทีรวดเร็วเปลี่ยนแปลงจังหวะระหว่างเล่นแบบฉับพลัน และเล่นอย่างซับซ้อน
การร้องมักจะร้องออกมาจากคอหอย เสียงร้องกดต่ำ หรือเป็นที่รู้จักกันในคำว่า ร้องแบบ death growls
Death growling เป็นรูปแบบการร้องที่ใช้เสียงต่ำสุด บางครั้งอาจจะฟังเหมือน Monster (สัตว์ประหลาด) มาร้องเพลง
เนื้อหาของ Death metal มักจะเขียนเกี่ยวกับ การนับถือซาตาน การต่อต้านศาสนา ไสยเวท เวทมนต์ ปรัชญา และการวิพากษ์วิจารสังคม แต่อาจมีการเขียนในแนวอื่นๆด้วย เช่น พูดถึงการผ่าตัดสพ การทรมาร การข่มขืน
ศิลปินแนว Death metal มักจะออกมาปกป้องแนวเพลงของตน เมื่อมีผู้วิจารณ์ผลงานในแง่ลบว่า death metal เป็นแนวเพลงที่ดีที่สุดเป็นศิลปะและให้ความบันเทิงได้ เช่นเดียวกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญในภาคอุตสาหกรรมภาพเคลื่อนไหว
นักวิจารณ์เพลงออกมาวิจารณ์เพลงแนว Death metal ว่าเป็นแนวเพลงที่ทำให้เกิดการสูญเสีย ความรุนแรงของเนื้อหาไม่เหมาะสมที่จะนำออกมาเผยแพร่ต่อสังคม
เช่นเดียวกับ Alex Webster มือเบส ของวง Cannibal Corpse ได้พูดไว้ว่า "เนื้อเพลงที่พวกเราเล่นอาจเต็มไปด้วยความรุนแรงหรือเลือด แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดที่เราสื่อออกมาเป็นเพลง มิใช่การกระทำจริงของพวกเรา Death metal ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในวงการเพลงกระแสหลักได้เพราะเนื้อหาของเพลงมักเต็มไปด้วยเลือด แต่ผมคิดว่าที่ทำออกมารุนแรงมันก็เพื่อความบันเทิงเป็นหลักก็เท่านั้น "
ต้นกำเนิด
วงดนตรี heavy metal ที่มาจาก Newcastle จากเกาะอัลกฤษ นามว่า Venom ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวดนตรีมาตลอด จาก เฮฟวี มาเล่น แทรช เปลี่ยนมาเป็นเด็ธ และจบลงที่ แบล็คเมทัล กับอัลบั้มปี 1981 ที่มีชื่อว่า Welcome to Hell กลายเป็นแรงบันดาลใจของวงดนตรีแนว extreme metal
อีกหนึ่งวงดนตรีที่มีอิทธิพลอย่างสูงอย่าง Slayer เกิดขึ้นในปี 1981 ถึงแม้ว่าวงนี้จะเล่นแนว thrash metal แต่ก็ยังมีความรุนแรงกว่าวงอย่าง Metallica, Megadeth หรือ Exodus ส่วนอัลบั้มที่สามของ Slayer - Reign in Blood ได้ทำการเล่นแนว death metal เป็นครั้งแรกแต่ยังคงความเป็น แทรชและสปีดอยู่
การจัดหมวดหมู่แนวเพลงมักจะนำมาด้วยการทะเลาะวิวาทอันเนื่องมาจากความคิดเห็นส่วนตัวและการแปลความหมายในทางที่ผิดๆ เพราะวงดนตรีบางวงก็เล่นหลายแนววงดนตรีเหล่านี้ไม่สามารถแบ่งหมวดหมู่แนวดนตรีได้แต่มักจะถูงเอาไปวางไว้ในแนวดนตรีเด่นๆจึงเป็นที่มาของการแตกแยกดังที่กล่าวข้างต้น
Death metal
ต้นกำเนิดมาจาก Thrash metal, early black metal
ต้นกำเนิดวัฒนธรรมมาจาก กลางปี 1980 ที่ อเมริกา โดยเฉพาะในรัฐฟลอริดา
เครื่องมือทั่วไปที่ใช้คือ นักร้อง, กีตาร์ไฟฟ้า, กีตาร์เบส, กลอง
ความนิยมในกระแสหลัก เกิดขึ้นในวงการใต้ดินช่วงปี 1980 และเพิ่มขึ้นทีละน้อย และมีการแพร่หลายในระดับปานกลางในช่วงปี 1990 และมีการเพิ่มความหลากหลายในแนวเพลง Metal มากขึ้นตั้งแต่ยุค 2000 เป็นต้นมา
*จริงๆมีเยอะครับแต่ขอจบแค่นี้ดีกว่าเดี๋ยวยิ่งแปลยิ่งมั่วกลัวข้อมูลคลาดเคลื่อน ถ้าไม่เข้าใจหรืองงกับคำแปลเหล่านี้ต้องขออภัยด้วยนะครับเพราะแปลเองจากความรู้ภาษาอังกฤษอันน้อยนิด*
*ใครเก่งอังกฤษก็เข้าไปอ่านใน WIKI ได้เลยครับผม*
Death metal มีความรุนแรงสุดขีดที่ต่อยอดมาจาก heavy metal โดยมีการเล่นกีตาร์ที่หนักหน่วงขึ้น ร้องแบบ deep growling ตีกลองเหมือนจะระเบิดกลอง(แนวรุนแรง) จังหวะต่างๆมีการสร้างให้ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปหลายจังหวะ
จุดกำเนิดของแนวเพลงอย่าง thrash metal และ early blackmetal และ deathmetal เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980 มีหลายวงที่เล่นแนว metal เช่น Slayer, Kreator, Celtic Frost และ Venom วงเหล่านี้มีอิทธิพลมากในแนวเพลงประเภทนี้ เป็นวงผู้บุกเบิกวงดนตรีแห่งความตายคือ Chuck Schuldiner เรียกได้ว่าเขาคือบิดาแห่งวงการ Death metal เลยก็ว่าได้ (*เดี๋ยวประวัติของ Chuck Schuldiner บิดาแห่งวงการ Death metal ผมจะเรียบเรียงมาลงอีกทีครับ)
วงดนตรีเช่น Possessed, Obituary, Carcass, Deicide, Suffocation และ Morbid Angel ถือได้ว่าเป็นวงบุกเบิกในช่วงในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และ 1990
Death metal ได้รับความสนใจมากขึ้น ค่ายอย่าง niche record, Earache และ Roadrunner ได้ปล่อยอัลบั้มแนวเพลง Death metal ออกมาอย่างต่อเนื่อง
การเลือกใช้อุปกรณ์มักจะใช้มือกีตาร์ 2 คน มือเบส 1 คน กลอง 1 คน และร้องนำ 1 คน
แม้ว่าจะตั้งค่ามาตรฐานการเล่นไว้อย่างตายตัวแต่บางครั้งก็จะมีเครื่องมืออย่าง keyboards เข้ามาเป็นส่วนเสริมเล็กๆน้อยๆด้วยในบางเพลง
Death metal เป็นที่รู้จักในการเล่นจังหวะทีรวดเร็วเปลี่ยนแปลงจังหวะระหว่างเล่นแบบฉับพลัน และเล่นอย่างซับซ้อน
การร้องมักจะร้องออกมาจากคอหอย เสียงร้องกดต่ำ หรือเป็นที่รู้จักกันในคำว่า ร้องแบบ death growls
Death growling เป็นรูปแบบการร้องที่ใช้เสียงต่ำสุด บางครั้งอาจจะฟังเหมือน Monster (สัตว์ประหลาด) มาร้องเพลง
เนื้อหาของ Death metal มักจะเขียนเกี่ยวกับ การนับถือซาตาน การต่อต้านศาสนา ไสยเวท เวทมนต์ ปรัชญา และการวิพากษ์วิจารสังคม แต่อาจมีการเขียนในแนวอื่นๆด้วย เช่น พูดถึงการผ่าตัดสพ การทรมาร การข่มขืน
ศิลปินแนว Death metal มักจะออกมาปกป้องแนวเพลงของตน เมื่อมีผู้วิจารณ์ผลงานในแง่ลบว่า death metal เป็นแนวเพลงที่ดีที่สุดเป็นศิลปะและให้ความบันเทิงได้ เช่นเดียวกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญในภาคอุตสาหกรรมภาพเคลื่อนไหว
นักวิจารณ์เพลงออกมาวิจารณ์เพลงแนว Death metal ว่าเป็นแนวเพลงที่ทำให้เกิดการสูญเสีย ความรุนแรงของเนื้อหาไม่เหมาะสมที่จะนำออกมาเผยแพร่ต่อสังคม
เช่นเดียวกับ Alex Webster มือเบส ของวง Cannibal Corpse ได้พูดไว้ว่า "เนื้อเพลงที่พวกเราเล่นอาจเต็มไปด้วยความรุนแรงหรือเลือด แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดที่เราสื่อออกมาเป็นเพลง มิใช่การกระทำจริงของพวกเรา Death metal ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในวงการเพลงกระแสหลักได้เพราะเนื้อหาของเพลงมักเต็มไปด้วยเลือด แต่ผมคิดว่าที่ทำออกมารุนแรงมันก็เพื่อความบันเทิงเป็นหลักก็เท่านั้น "
ต้นกำเนิด
วงดนตรี heavy metal ที่มาจาก Newcastle จากเกาะอัลกฤษ นามว่า Venom ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวดนตรีมาตลอด จาก เฮฟวี มาเล่น แทรช เปลี่ยนมาเป็นเด็ธ และจบลงที่ แบล็คเมทัล กับอัลบั้มปี 1981 ที่มีชื่อว่า Welcome to Hell กลายเป็นแรงบันดาลใจของวงดนตรีแนว extreme metal
อีกหนึ่งวงดนตรีที่มีอิทธิพลอย่างสูงอย่าง Slayer เกิดขึ้นในปี 1981 ถึงแม้ว่าวงนี้จะเล่นแนว thrash metal แต่ก็ยังมีความรุนแรงกว่าวงอย่าง Metallica, Megadeth หรือ Exodus ส่วนอัลบั้มที่สามของ Slayer - Reign in Blood ได้ทำการเล่นแนว death metal เป็นครั้งแรกแต่ยังคงความเป็น แทรชและสปีดอยู่
การจัดหมวดหมู่แนวเพลงมักจะนำมาด้วยการทะเลาะวิวาทอันเนื่องมาจากความคิดเห็นส่วนตัวและการแปลความหมายในทางที่ผิดๆ เพราะวงดนตรีบางวงก็เล่นหลายแนววงดนตรีเหล่านี้ไม่สามารถแบ่งหมวดหมู่แนวดนตรีได้แต่มักจะถูงเอาไปวางไว้ในแนวดนตรีเด่นๆจึงเป็นที่มาของการแตกแยกดังที่กล่าวข้างต้น
Death metal
ต้นกำเนิดมาจาก Thrash metal, early black metal
ต้นกำเนิดวัฒนธรรมมาจาก กลางปี 1980 ที่ อเมริกา โดยเฉพาะในรัฐฟลอริดา
เครื่องมือทั่วไปที่ใช้คือ นักร้อง, กีตาร์ไฟฟ้า, กีตาร์เบส, กลอง
ความนิยมในกระแสหลัก เกิดขึ้นในวงการใต้ดินช่วงปี 1980 และเพิ่มขึ้นทีละน้อย และมีการแพร่หลายในระดับปานกลางในช่วงปี 1990 และมีการเพิ่มความหลากหลายในแนวเพลง Metal มากขึ้นตั้งแต่ยุค 2000 เป็นต้นมา
*จริงๆมีเยอะครับแต่ขอจบแค่นี้ดีกว่าเดี๋ยวยิ่งแปลยิ่งมั่วกลัวข้อมูลคลาดเคลื่อน ถ้าไม่เข้าใจหรืองงกับคำแปลเหล่านี้ต้องขออภัยด้วยนะครับเพราะแปลเองจากความรู้ภาษาอังกฤษอันน้อยนิด*
*ใครเก่งอังกฤษก็เข้าไปอ่านใน WIKI ได้เลยครับผม*
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)